หลิว สรรพคุณและประโยชน์ของต้นหลิว 13 ข้อ

หลิว

หลิว ชื่อสามัญ Weeping Willow[1],[2]

หลิว ชื่อวิทยาศาสตร์ Salix babylonica L. จัดอยู่ในวงศ์สนุ่น (SALICACEAE)[1],[2]

สมุนไพรหลิว มีชื่อเรียกอื่นว่า ลิ้ว (จีนแต้จิ๋ว), หยั่งลิ้ว หลิว (จีนกลาง) เป็นต้น[1],[2]

ลักษณะของต้นหลิว

ต้นหลิว

รูปหลิว

รูปต้นหลิว

ใบหลิว

ดอกหลิว

สรรพคุณของต้นหลิว

  1. ช่อดอกและยอดอ่อนสด นำมาต้มเอาน้ำกินเป็นยาลดไข้ (ช่อดอกและยอดอ่อน)[1],[2]
  2. กิ่งแห้งนำมาต้มเอาน้ำกินเป็นยาช่วยขับลมได้ (กิ่ง)[1],[2]
  3. ใช้เป็นยาแก้ขัดเบา ช่วยขับนิ่ว ขับปัสสาวะ ด้วยการใช้กิ่งแห้งนำมาต้มเอาน้ำกิน (กิ่ง)[1],[2]
  4. กิ่งแห้งนำมาต้มเอาน้ำกินเป็นยาแก้ตับอักเสบ (กิ่ง)[1],[2] ในการใช้ป้องกันโรคตับอักเสบชนิดเอ ให้ใช้กิ่งและใบสดประมาณ 60 กรัม นำมาต้มเอาน้ำกิน โดยแบ่งกินเป็น 2 ครั้ง ติดต่อกัน 7 วัน (กิ่งและใบ)[3]
  5. ช่วยแก้อาการบวมน้ำ ด้วยการใช้กิ่งแห้งนำมาต้มเอาน้ำกิน (กิ่ง)[1]
  1. ใช้รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการนำกิ่งสดมาเผาไฟจนเป็นถ่าน แล้วนำมาบดให้เป็นผงละเอียด ร่อนผงผสมกับน้ำมันงาทำเป็นขี้ผึ้งเหลว ใช้เป็นยาทาบริเวณแผล เมื่อทาไปประมาณ 3-4 ชั่วโมง แผลจะค่อย ๆ แห้งตกสะเก็ดและรู้สึกเจ็บ และให้ทาซ้ำบริเวณแผลให้ชุ่ม อย่าเช็ดยาบนแผลออกเด็ดขาด เวลาเปลี่ยนยาก็ให้ทาซ้ำไปเลย ปล่อยให้สะเก็ดแผลหลุดเอง โดยให้ทายานี้วันละ 1-2 ครั้ง และไม่ต้องปิดแผล โดยยานี้สามารถใช้รักษาแผลไฟไหม้ระดับสองได้ผลดีมาก (ลวกถึงชั้นหนังแท้ ผิวหนังทำลายและพองทั่วไป) หากรักษาติดต่อกัน 3-14 วัน แผลจะหายเป็นปกติ (กิ่ง)[3]
  2. กิ่งแห้งนำมาเผาไฟให้เป็นเถ้า แล้วเอาน้ำผสมใช้เป็นยาทารักษาบริเวณที่เป็นฝีคัณฑสูตร รำมะนาด และไฟลามทุ่ง (กิ่ง)[1],[2]
  3. ช่อดอกและยอดอ่อน ใช้แบบสดนำมาต้มเอาน้ำกินเป็นยาแก้ปวด (ช่อดอกและยอดอ่อน)[1],[2]
  4. กิ่งแห้งนำมาต้มเอาน้ำกินเป็นยาแก้โรคปวดตามข้อ (กิ่ง)[1],[2]

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของหลิว

ประโยชน์ของหลิว

  1. ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับทั่วไป[2]
  2. มีข้อมูลระบุว่า ต้นหลิวเป็นสัญลักษณ์ของโชคลาภ ความสุข ความร่ำรวย การได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง และหลิวยังเป็นพืชวิเศษที่ชาวจีนเคารพบูชาอีกด้วย (คนจีนไม่นิยมปลูกต้นหลิวไว้ในบ้าน เนื่องจากใบหลิวมีลักษณะลู่ห้อยลงมา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคนโศกเศร้า ดูแล้วทำให้อารมณ์เศร้าซึม ว่ากันว่าบ้านใดมีลูกสาวและปลูกต้นหลิวไว้ในบ้าน ลูกสาวบ้านนั้นจะไม่มีคนมาสู่ขอ)
  3. กิ่งหลิวสามารถนำมาใช้เตรียมเป็นผงถ่านพิเศษหรือกัมมันต์ได้ดี (Activated Charcoal)[3]
  4. สาร salicin ที่สกัดได้จากต้นหลิวมีผลในการระงับอาการไข้และแก้ปวด จึงมีการนำสารชนิดนี้มาใช้เป็นแหล่งกำเนิดของกรดชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า Acetyl salicylic acid ซึ่งใช้เป็นสารที่ใช้สำหรับทำยาแอสไพริน (Aspirin) หรือยาแก้ปวด รักษาอาการไข้ (ในปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์สามารถทำการสังเคราะห์ยาแอสไพรินขึ้นมาได้เอง โดยมีคุณสมบัติเหมือนกับสาร salicin ในต้นหลิว)[4]
เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5.  (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม).  “หลิว”.  หน้า 822-823.
  2. สวนพฤกษศาสตร์คลองไผ่, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี.  “หลิว”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.rspg.or.th/plants_data/kp_bot_garden/kpb.htm. [25 ส.ค. 2014].
  3. ไทยเกษตรศาสตร์.  “สรรพคุณของหลิว”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.thaikasetsart.com.  [25 ส.ค. 2014].
  4. SciMath.  (สุนทร  ตรีนันทวัน).  “สารซาลิซิน ( SALICIN ) ในเปลือกของต้นหลิว”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.scimath.org.  [25 ส.ค. 2014].

ภาพประกอบ : www.flickr.com (by The Super Tomate, West Dean, photo & life, Debbie, naturgucker.de / enjoynature.net )

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ()

  • 1 หลิว
  • 2 ลักษณะของต้นหลิว
  • 3 สรรพคุณของต้นหลิว
  • 4 ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของหลิว
  • 5 ประโยชน์ของหลิว
  • 6 เอกสารอ้างอิง
เรื่องที่น่าสนใจ