on
สาระน่ารู้จากหมอตา ตอน ตาแห้ง
27 กรกฎาคม 2017
ตาแห้งเล็กน้อย ก่อให้เกิดอาการแสบตา เคืองตาเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ให้โทษอะไรมากนัก หากเป็นมากขึ้น อาการต่าง ๆ มากขึ้น อาจทำให้ประสิทธิผลของงานลดลงจากการแสบตา ทำงานไม่คล่องเหมือนเดิม ที่เป็นมากขึ้นไปอีก คือก่อให้เกิด อาการเจ็บ ปวดตา มากขึ้น จนต้องมีการเยียวยา ทำให้เสียเงินเสียทอง แม้ว่าตาจะไม่เสียประสิทธิภาพไปก็ตาม ตาแห้งมากที่สุดอาจก่อให้เกิดอันตรายของผิวตาดำ นำมาซึ่งการติดเชื้อที่ตาดำ หากรักษาไม่ถูกต้อง ทำให้การมองเห็นลดลงไปได้ แล้วใครกันล่ะที่อาจเสี่ยงต่อภาวะตาแห้งมากกว่าคนทั่วไป
- ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี ต่อมน้ำตาทำงานได้น้อยลง สร้างน้ำตาได้น้อยลง เส้นประสาทรับความรู้สึกของกระจกตาลดลง ทำให้วงจรกระตุ้นการสร้างน้ำตาบกพร่องไป
- เพศหญิงมีโอกาสตาแห้งมากกว่าชาย เพราะฮอร์โมนเพศน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรังทางกาย เช่น เป็นเบาหวาน โรคการทำงานของต่อม Thyroid ผิดปกติ ตลอดจนโรคภูมิแพ้ตนเอง (auto immune disease) โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เป็นต้น
- ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อม ได้แก่ การสูบบุหรี่ อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ลมโกรก ที่มีอากาศแห้งในห้องปรับอากาศ ใช้เครื่อง IT มาก ภาวะไม่ค่อยกระพริบตา เป็นต้น
- ผู้ที่ใช้ยาบางอย่างประจำ ยาที่ทำให้เกิดภาวะตาแห้ง ได้แก่ ยาแก้แพ้ (antihistamine) decongestant, ยาลดความดันโลหิต ตลอดจนยาลดความเครียด (antidepressant) ยาหยอดรักษาโรคต้อหินบางตัว เป็นต้น
- โรคตาบางอย่าง นำมาซึ่งภาวะตาแห้ง เช่น โรคผิวตา (ocular surface disease) โรคริดสีดวงตา โรค mucous membrane pemphigoid, โรค steven Johnson, ตลอดจนโรคของตาดำ ได้แก่ การติดเชื้อตาดำจากเชื้อเริม งูสวัด รวมทั้งผู้ที่รับการผ่าตัดบริเวณกระจกตา ได้แก่ การเปลี่ยนกระจกตา แม้แต่การผ่าตัดต้อกระจกที่ลงมีดบริเวณ limbus
- ภาวะอื่น ๆ ที่พบได้บ่อย ได้แก่ ผู้ใช้คอนแทคเลนส์เป็นเวลานาน ผู้ที่ผ่านการแก้ไขสายตาผิดปกติด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น PRK, Lasik ตลอดจนตาที่เคยได้รับภยันตรายจากสารเคมี หรือความร้อน