สาระน่ารู้จากหมอตาตอน การป้องกันตาจากอุบัติเหตุรถยนต์

1 กันยายน 2016
สาระน่ารู้จากหมอตา

เคยอ่านพบบทความจากสำนักงานปฏิรูประบบสุขภาพ ในเรื่องปัญหาสุขภาพในหัวข้ออุบัติภัยจราจรเมื่อหลายปีที่แล้วว่า

ทุกๆ วันประชาชนไทยเกือบ 50 คนออกจากบ้านอาจไปทำงาน ทำธุระ ท่องเที่ยว แต่ไปแล้วไปลับไม่กลับมา เป็นการเสียชีวิตระหว่างทาง หรือ ณ สถานที่อื่นที่ไม่ใช่บ้านตนเอง การสูญเสีย 50 คน ในแต่ละวันย่อมนำมาซึ่งความเสียใจ อาลัยอาวรณ์ของลูก พ่อ แม่ ญาติมิตรของเขา

อุบัติเหตุจราจรทางบกมักพบในคนอายุ 16 - 37 ปี เฉลี่ย 29 ปี เป็นวัยที่ยังคึกคะนอง และร้อยละ 73 เป็นชาย ส่วนใหญ่พบในผู้ขับขี่จักรยานยนต์ ซึ่งมักจะรุนแรงถึงเสียชีวิตเพราะบาดเจ็บบริเวณศีรษะและสมอง ส่วนอุบัติเหตุทางตา มีผู้สำรวจพบว่ามักเกิดในผู้ขับขี่รถยนต์มากกว่า

มีรายงานว่าเมื่อปี 2556 ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 3 ของโลก ที่มีคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน แต่ในปี 2558 ประเทศไทยขึ้นมาอยู่อันดับ 1 ของโลก โดยมีจำนวนคนเสียชีวิต 36.2 คน ต่อประชากร 1 แสนคน สาเหตุจากคนขับเมา ขับรถเร็ว ขับตัดหน้ากระชั้นชิด ทัศนวิสัยไม่ดี หลับใน ฝ่าฝืนกฎจราจร เป็นต้น อ่านรายงานแล้วน่าตกใจอยู่

การบาดเจ็บทางตาจากอุบัติเหตุจราจร อาจเกิดจากแรงกระแทก (blunt trauma) จากวัสดุที่ไม่คม เป็นแรงอัดลูกตาให้อวัยวะภายในดวงตาหรือเคลื่อนที่จากที่เดิม ทำให้ตามัวลงหรือแม้แต่เกิดการแตกของดวงตาจากแรงอัดได้ นอกจากนี้ดวงตาอาจบาดเจ็บจากการถูกของมีคมทิ่มแทง จากเศษกระจกหน้ารถที่แตกเป็นลิ่มแหลมแทง หรือจากเหล็กที่เป็นส่วนประกอบของโครงรถที่มีหักเป็นปลายแหลม อาจมีเศษเหล็ก เศษกระจกฝังอยู่ภายในลูกตา ซึ่งล้วนทำให้ดวงตาได้รับอันตรายมากขึ้น

เมื่อพบผู้ที่สงสัยว่าได้รับบาดเจ็บทางตาหลังอุบัติเหตุ ทั้งนี้ต้องผ่านการดูแลการบาดเจ็บ ซึ่งอาจนำไปสู่การเสียชีวิตก่อนเรียบร้อยแล้ว ในขั้นแรกผู้พบเห็นควรประเมินว่าการบาดเจ็บทางตานั้น มีการฉีกขาดของดวงตาหรือไม่ ลักษณะต่อไปนี้บ่งว่าน่าจะมีการฉีกขาดของดวงตา

หากสงสัยว่าดวงตาฉีกขาด ผู้ที่ช่วยเหลือห้ามพยายามถ่างตา เพราะอาจทำให้ดวงตาที่ฉีกขาดกว้างขึ้นไปอีก หรือทำให้อวัยวะภายในดวงตาทะลักออกมา หากมีเลือดออกบริเวณหนังตาไม่หยุด ให้ใช้ผ้าสะอาดกดบริเวณเลือดออกเข้ากับกระดูกเบ้าตา ห้ามกดเข้าหาดวงตา หรือถ้าไม่แน่ใจใช้ผ้าสะอาดซับเลือดก็พอ เมื่อเลือดหยุด เช็ดขอบแผลด้วยน้ำสะอาด ปิดผ้ากอซที่ตาอย่างหลวมๆ ห้ามขยี้ตาเด็ดขาด แล้วนำส่งโรงพยาบาลทันที ถือเป็นภาวะที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน

ในกรณีที่ดวงตาไม่ฉีกขาด และผู้ประสบเหตุมีสัมปชัญญะดี ควรให้ทดสอบการมองเห็นโดยเปิดตาทีละข้าง (เน้นการตรวจทีละข้าง) หากพบว่ามีการเห็นลดลง ต้องปรึกษาจักษุแพทย์ทันทีเช่นกัน มีอยู่บ่อยๆ ที่ตาข้างหนึ่งมีอันตรายอย่างรุนแรง โดยที่ตาอีกข้างยังดี ทำให้ไม่ทราบว่าตาอีกข้างผิดปกติ ทำให้พลาดการรักษาในเวลาอันควรไป

การบาดเจ็บทางตาจากอุบัติเหตุจราจร มีตั้งแต่บาดเจ็บเล็กน้อยไม่มีการสูญเสียการมองเห็น ไปจนถึง ขั้นสูญเสียการมองเห็น และที่ร้ายแรงสุดถึงขั้นต้องเอาตาออก เพราะตาบาดเจ็บอย่างมากจนมิอาจซ่อมแซมได้ การสูญเสียสายตาซึ่งทำให้อวัยวะสัมผัสที่สำคัญบกพร่องไป ย่อมทำให้ผู้นั้นมีคุณภาพชีวิตถดถอยลง การป้องกันการสูญเสียดวงตาจากอุบัติเหตุจราจรน่าจะมีประโยชน์กว่าการมาแก้ไขทีหลัง

คำแนะนำในการป้องกันการสูญเสียสายตาจากอุบัติเหตุจราจร คือ

ดวงตาเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย การดูแลรักษาเป็นเรื่องจำเป็น หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นนอกจากจะเร่งตรวจดูอวัยวะอื่นแล้ว ห้ามละเลยที่จะตรวจดูดวงตาด้วยว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่ และต้องให้การปฐมพยาบาลอย่างถูกต้องและเร่งด่วน