สลัดได สรรพคุณและประโยชน์ของต้นสลัดไดป่า 29 ข้อ

สลัดได

สลัดได ชื่อสามัญ Malayan spurge tree[1], Milkbush[5]

สลัดได ชื่อวิทยาศาสตร์ Euphorbia antiquorum L. จัดอยู่ในวงศ์ยางพารา (EUPHORBIACEAE)[1],[2]

สมุนไพรสลัดได มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า กะลำพัก (นครราชสีมา), เคียะเหลี่ยม หงอนงู (แม่ฮ่องสอน), เคียะยา (ภาคเหนือ), สลัดไดป่า (ภาคกลาง), ทูดุเกละ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), หั่วยานเล่อ ป้าหวางเปียน (จีนกลาง) เป็นต้น[1],[3]

หมายเหตุ : จากพจนานุกรมพืชและสัตว์ในเมืองไทยของวิทย์ เที่ยงบูรณธรรม ระบุว่าสลัดไดมีอยู่ด้วยกัน 4 ชนิด ได้แก่ สลัดไดบ้าน (เป็นพรรณไม้จากต่างประเทศ) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Euphorbia trigona Haw., สลัดไดป่า หรือ กะลำพัก ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Euphorbia antiquorum L. , สลัดไดลายเหลือง ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Euphorbia lactea Haw., และสลัดไดซึ่งมีชื้อพื้นเมืองทางภาคเหนือว่า “เคี๊ยะ” มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Euphorbia lacei Craib แต่สลัดไดของไทยคือ “สลัดไดป่า” ซึ่งเป็นชนิดที่เรากล่าวถึงในบทความนี้ครับ

สลัดไดป่า

ลักษณะของสลัดได

ต้นสลัดได

ใบสลัดได

ดอกสลัดได

ดอกสลัดไดป่า

ผลสลัดได

สรรพคุณของสลัดได

  1. ต้นสลัดไดที่แก่จัดและมีอายุ 10 ปีขึ้นไปจะยืนต้นตาย ทำให้เกิดเป็นแก่นแข็ง ๆ ซึ่งมีลักษณะเหมือนไม้แห้ง ๆ สีน้ำตาล และมีกลิ่นหอม (เชื่อว่าเกิดจากเชื้อราที่เจริญเติบโตอยู่ในเนื้อไม้จนกลายเป็นแก่นไม้แข็ง) และเมื่อต้นตายแก่นที่ได้นี้จะเรียกว่า “กะลำพัก” (รูปด้านล่าง) ซึ่งแก่นของต้นที่ตายจะใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ หรือใช้เข้ายาบำรุงหัวใจ (แก่นกะลำพัก)[1],[2],[6]
  2. ช่วยเจริญธาตุไฟ (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)[4]
  3. แก่นกะลำพักมีรสขม สรรพคุณเป็นยาแก้ลม (แก่นกะลำพัก)[6]
  4. ช่วยแก้ผอมเหลือง (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)[4]
  5. ตำรายาไทยจะใช้แก่นกะลำพักเป็นยาแก้ไข้ (แก่นกะลำพัก)[1],[2]
  6. รากและต้นสลัดไดมีสรรพคุณเป็นยาแก้ แก้หอบหืด (ต้น,ราก)[6]
  7. ช่วยแก้พิษเสมหะ (แก่นกะลำพัก)[6]
  8. ช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องเสีย (ก้าน,ใบ,ยาง)[3]
  9. ตำรายาแก้กระเพาะลำไส้อักเสบเฉียบพลัน ให้ใช้ต้นหรือใบสดประมาณ 30-70 กรัม นำมาสับหรือตำ แล้วคั้นเอาแต่น้ำ จากนั้นให้นำข้าวสาร 15 กรัม ลงไปคั่วรวมกันจนกว่าจะออกสีเหลืองแล้วนำมาต้มกับน้ำรับประทาน (ต้น,ใบ)[3]
  10. ยางนำมาทำเป็นยาเม็ดลูกกลอน ใช้กินเป็นยาแก้ท้องมาน แก้บวมน้ำ (ยาง)[3]
  1. ช่วยแก้อาการบวมน้ำ (ยาง)[1]
  2. ยางมีรสร้อนเบื่อมา ถ้านำมานึ่งให้สุกแล้วตากให้แห้งจะเป็นยาถ่ายอย่างแรง จึงควรนำมาฆ่าฤทธิ์ด้วยการย่างไฟ (ยาง)[1]
  3. ช่วยแก้พรรดึก หรือผู้ที่มีอาการท้องผูกอย่างแรง มีอุจจาระแข็งมาก (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)[4]
  4. ก้าน ใบ และยางใช้เป็นยาถ่ายและยาฆ่าพยาธิ (ก้าน,ใบ,ยาง)[3]
  5. คนโบราณจะใช้ยางเป็นยารักษาฝีคันฑสูตร หรือฝีที่มีลักษณะมีรูที่ทวารหนักทะลุออกมา และรูรอบทวารหนักทะลุเข้าไปในลำไส้ตอนปลายแล้วเกิดเป็นแผลอักเสบเรื้อรัง มีหนองไหลออกมา จนเกิดการติดเชื้อ ซึ่งคนโบราณเขาจะใช้เชือกยางสลัดร้อนเข้าไปแล้วค่อย ๆ รัดไม่ให้ขาด แต่ปัจจุบันจะไม่ใช้วิธีนี้แล้วเพราะผ่าตัดเอาจะง่ายกว่า (ยาง)[6]
  6. ช่วยขับปัสสาวะ (ยาง)[1]
  7. ช่วยถ่ายหัวริดสีดวง (ยาง)[1] ถ่ายริดสีดวงในลำไส้ (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)[4]
  8. ช่วยขับโลหิตเน่าร้าย (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)[4]
  9. ช่วยบำรุงตับและปอด (แก่นกะลำพัก)[6]
  10. ยางใช้เป็นยารักษาโรคตับแข็ง (ยาง)[3]
  11. ยางใช้เป็นยาทาภายนอกแก้โรคผิวหนัง รักษากลากเกลื้อนภายนอก (ยาง)[3] รักษาผดผื่นคัน ฝีหนอง (ก้าน,ใบ,ยาง)[3]
  12. ช่วยถอนพิษหนอง (ก้าน,ใบ,ยาง)[3]
  13. ยางมีพิษระคายเคืองผิวหนัง ใช้เป็นยากัดหูด แต่ต้องระวังอย่าให้ยางถูกเนื้อดี เพราะจะทำให้เนื้อดีเน่าและหลุดไปด้วย (ยาง)[1],[2],[5]
  14. ใช้ก้าน ใบ และยาง รสขมและมีกลิ่นหอม เป็นยาเย็นมีพิษ ใช้เป็นยาสำหรับแก้ปวดบวม (ก้าน,ใบ,ยาง)[3]
  15. ใช้เป็นยาขับพิษ ขับความชื้น ลดอาการแสบร้อน (ก้าน,ใบ,ยาง)[3]
  16. ช่วยแก้อาการปวดหลัง (ยาง)[1]
  17. ช่วยแก้อัมพฤกษ์ (ยาง)[1]

หมายเหตุ : ยางจากต้นสลัดไดก่อนนำไปใช้จะต้องทำการฆ่าฤทธิ์ก่อน โดยวิธีการฆ่าฤทธิ์ยางสลัดไดจะเรียกว่า “การประสะยางสลัดได” ด้วยการนำตัวยาที่จะประสะใส่ลงในถ้วย แล้วใช้น้ำต้มเดือดเทลงไปในถ้วยยานั้น กวนให้ทั่วจนน้ำเย็น และรินน้ำทิ้งไป แล้วให้เทน้ำเดือดลงในยาที่กวนนั้นอีก พร้อมกวนให้ทั่ว ๆ โดยให้ทำอย่างนี้ประมาณ 7 ครั้ง จนยาสุกดีแล้วจึงนำไปใช้ปรุงเป็นยา[6]

ข้อควรระวังในการใช้สมุนไพรสลัดได

กะลำพัก

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของสลัดได

ประโยชน์ของสลัดได

เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1.  (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์).  “สลัดได (Salad Dai)”.  หน้า 290.
  2. หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ.  (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล).  “สลัดได Malayan Spurge Tree”.  หน้า 108.
  3. หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย.  (วิทยา บุญวรพัฒน์).  “สลัดได (กระลำพัก)”.  หน้า 538.
  4. ข้อมูลพรรณไม้ในพระตำหนักเทา, มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี.  “สลัดได”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.rbru.ac.th/db_arts/rbruflower/.  [09 มิ.ย. 2014].
  5. ไทยเกษตรศาสตร์.  “สลัดไดป่ามีสรรพคุณดังนี้”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.thaikasetsart.com.  [09 มิ.ย. 2014].
  6. ไทยโพสต์.  “สลัดได-กะลำพัก ขึ้นต้นเป็นพืชร้าย ตอนตายเป็นพืชดี”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.thaipost.net.  [09 มิ.ย. 2014].
  7. ข้อมูลพรรณไม้, พิษระคายเคืองผิวหนัง, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี.  “สลัดไดป่า”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th/plants_data/. [09 มิ.ย. 2014].

ภาพประกอบ : www.flickr.com (by sftrajan, dani_photos2008, SierraSunrise, Lalithamba, Shubhada Nikharge, Tony Rodd), www.samunpri.com

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ()

  • 1 สลัดได
  • 2 ลักษณะของสลัดได
  • 3 สรรพคุณของสลัดได
  • 4 ข้อควรระวังในการใช้สมุนไพรสลัดได
  • 5 ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของสลัดได
  • 6 ประโยชน์ของสลัดได
  • 7 เอกสารอ้างอิง
เรื่องที่น่าสนใจ