สบู่เลือด สรรพคุณและประโยชน์ของต้นสบู่เลือด 19 ข้อ

สบู่เลือด

สบู่เลือด หรือ ว่านสบู่เลือด ชื่อวิทยาศาสตร์ Stephania pierrei Diels จัดอยู่ในวงศ์บอระเพ็ด (MENISPERMACEAE)

สมุนไพรสบู่เลือด มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า บัวเครือ (เพชรบูรณ์), บัวกือ (เชียงใหม่, เพชรบุรี), บัวบก (กาญจนบุรี, นครราชสีมา), เปล้าเลือดเครือ (ภาคเหนือ), โกฐหัวบัว (ภาคกลาง), พุ่งเหมาด้อย (เมี่ยน), เป็นต้น[1],[2]

ทำความเข้าใจกันก่อน ! : ต้นสบู่เลือดที่กล่าวถึงในบทความนี้ เป็นไม้คนละชนิดกันกับ “เปล้าเลือด” หรือ “บอระเพ็ดยางแดง” (Stephania venosa Spreng.) หรือที่มีชื่อเรียกเหมือนกันว่า “สบู่เลือด” ซึ่งทั้งสองชนิดนี้จัดอยู่ในวงศ์และสกุลเดียวกัน แต่เป็นไม้คนละชนิด นอกจากนี้ยังเป็นคนละชนิดกันกับต้น “สบู่แดง” (Jatropha gossypiifolia L.) ซึ่งจัดอยู่ในวงศ์ยางพารา (EUPHORBIACEAE) เพียงแต่ว่ามีชื่อเรียกเหมือนกันว่า “สบู่เลือด

ลักษณะของสบู่เลือด

สมุนไพรสบู่เลือด

สบู่เลือด

ว่านสบู่เลือดต้นสบู่เลือด

สรรพคุณสบู่เลือด

  1. ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ด้วยการใช้หัวนำมาตากแห้งบดเป็นผง ใช้ผสมกับน้ำผึ้งเป็นยาลูกกลอนนำมารับประทาน (หัว)[3]
  2. ช่วยทำให้เกิดกำลัง ช่วยบำรุงกำหนัด (หัว, ก้าน)[1]
  3. ช่วยบำรุงธาตุไฟ (ใบ)[1]
  4. หัวนำมารับประทาน ช่วยทำให้เจริญอาหารและแข็งแรง (หัว)[3]
  5. เครือนำมาต้มใส่ไก่ร่วมกับว่านมหากาฬ ใช้รับประทานเป็นยาบำรุงเลือด (เครือ)[3]
  6. ช่วยบำรุงเส้นประสาท (ราก)[1]
  7. รากหรือหัวนำมาตำใช้พอกศีรษะ ช่วยแก้อาการปวดศีรษะได้ (ราก, หัว)[4]
  8. รากหรือหัวสบู่เลือดช่วยแก้หืด (ราก, หัว)[4]
  9. ช่วยแก้เสมหะเบื้องบน (หัว, ก้าน)[1]หัวสบู่เลือด
  10. ต้นสบู่เลือดช่วยกระจายลม ขับลมที่แน่นในอกได้ (ต้น)[1],[3]
  11. ช่วยทำให้อุจจาระละเอียด (ดอก)[1]
  12. ช่วยขับพยาธิในลำไส้ (เถา)[1]
  13. ช่วยขับโลหิตระดูของสตรี (เถา)[1]
  14. ช่วยแก้อาการตกเลือดของสตรี อาการมุตกิดระดูขาวหรือตกขาวได้อย่างชะงัด ด้วยการนำหัวมาหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ สัก 3 แว่น นำมาตำโขลกกับน้ำซาวข้าวหรือสุราให้ละเอียด แล้วคั้นเอาแต่น้ำมาดื่มประมาณ 1 ถ้วยชา เช้า เย็น และก่อนนอน (หัว)[1]
  15. ช่วยแก้น้ำเหลืองเสีย (เหง้า)[5]
  16. ใบนำมาใช้ใส่บาดแผลสดและเรื้อรัง (ใบ)[1]
  17. ช่วยฆ่าเชื้อ รักษาโรคเรื้อน (ดอก)[1],[3]
  18. หัวกับก้านใบใช้รับประทานร่วมกับสุรา ช่วยทำให้เกิดอาการชา ผิวหนังอยู่ยงคงกระพัน ถูกเฆี่ยนหรือตีไม่เจ็บไม่แตก แต่เมื่อหมดฤทธิ์ยาแล้วจะเกิดอาการเจ็บภายหลัง นักเลงสมัยก่อนนิยมใช้กันนัก (หัว, ก้าน)[1],[4]
  19. หัวนำมาใช้ต้มดื่มช่วยแก้อาการปวดเมื่อยได้ (หัว)[4]
เอกสารอ้างอิง
  1. สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th.  [10 พ.ย. 2013].
  2. หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย.  สวนพฤกษศาสตร์ป่าไม้ สำนักวิชาการป่าไม้ กรมป่าไม้.  (เต็ม สมิตินันทน์).
  3. หนังสือสมุนไพรไทยตอนที่ 7.  ส่วนพฤกษศาสตร์ป่าไม้ สำนักวิชาการป่าไม้ หอพรรณไม้ กรมป่าไม้.  (ก่องการดา ชยามฤต).
  4. ระบบฐานข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชน สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.bedo.or.th.  [10 พ.ย. 2013].
  5. พิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.sci.psu.ac.th.  [10 พ.ย. 2013].

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ()

  • 1 สบู่เลือด
  • 2 ลักษณะของสบู่เลือด
  • 3 สรรพคุณสบู่เลือด
  • 4 เอกสารอ้างอิง
เรื่องที่น่าสนใจ