สนสามใบ สรรพคุณและประโยชน์ของต้นสนสามใบ 23 ข้อ

สนสามใบ

สนสามใบ ชื่อสามัญ Khasiya Pine[7]

สนสามใบ ชื่อวิทยาศาสตร์ Pinus kesiya Royle ex Gordon จัดอยู่ในวงศ์สนเขา (PINACEAE)[1]

สมุนไพรสนสามใบ มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า เกี๊ยเปลือกบาง (เชียงใหม่), แปกลม (ชัยภูมิ), แปก (ฉานแม่ฮ่องสอน, เพชรบูรณ์), เกี๊ยะเปลือกแดง (ภาคเหนือ), จ๋วง (ภาคเหนือ, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ), สนเขา (ภาคกลาง), เชียงบั้ง (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน) เป็นต้น[1],[2],[4]

หมายเหตุ : ต้นสนสามใบ เป็นพรรณไม้พระราชทานเพื่อปลูกเป็นไม้มงคลของจังหวัดเลย[5]

ลักษณะของสนสามใบ

ต้นสนสามใบ

เปลือกต้นสนสามใบไม้สนสามใบ

รูปสนสามใบ

ใบสนสามใบ

ดอกสนสามใบรูปดอกสนสามใบ

ผลสนสามใบ

สรรพคุณของสนสามใบ

  1. ชาวเขาเผ่าแม้วจะใช้แก่นต้นสนสามใบ ผสมกับก้านและใบขี้เหล็กอเมริกา, ใบคว่ำตายหงายเป็น, และใบสับปะรด ยำมาต้มอบไอน้ำ เป็นยาบำรุงกำลังสำหรับคนติดฝิ่น (แก่น)[2]
  2. แก่นมีสรรพคุณเป็นยาระงับประสาท แก่ฟุ้งซ่าน (แก่น)[5],[6]
  3. ใช้เป็นยาปิดธาตุ (ชันสน)[5],[6]
  4. ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย (แก่น)[5]
  5. แก่นใช้ต้มหรือฝนกินเป็นยาแก้ไข้ (แก่น)[5]
  1. กระพี้มีรสขมเผ็ดมัน ใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ไข้สันนิบาต (กระพี้)[4]
  2. ช่วยแก้เสมหะ (แก่น)[5]
  3. ช่วยแก้คลื่นเหียนอาเจียน (แก่น)[5]
  4. ตำรายาพื้นบ้านล้านนาจะใช้แก่นต้นสนสามใบเป็นยาแก้เหงือกบวม (แก่น)[2]
  5. ช่วยกระจายลม (แก่น)[5]
  6. ตำรายาไทยจะใช้แก่นนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้บิด แก้ท้องร่วง ท้องเดิน ปวดท้อง (แก่น)[2],[5]
  7. ชันสนใช้เป็นยาแก้บิด (ชันสน)[5],[6]
  8. น้ำมันสนใช้หยดลงในน้ำร้อนประคบท้องแก้ท้องบวม แก้ลำไส้พิการ และช่วยแก้มดลูกอักเสบ (น้ำมันสน)[6]
  9. ใบและเปลือกใช้ต้มกับน้ำเป็นยาแก้ผดผื่นคันตามผิวหนังตามร่างกาย (ใบ,เปลือก)[1]
  10. ตำรายาพื้นบ้านล้านนาจะใช้แก่นเป็นยารักษาโรคทางเดินปัสสาวะ (แก่น)[2]
  11. ยางสนมีสรรพคุณเป็นยาสมานแผล (ยาง)[5]
  12. น้ำมันสนมีรสเผ็ดร้อน ใช้เป็นยาทาแก้เคล็ดขัดยอก อักเสบบวม (น้ำมันสน)[5],[6]
  13. แก่นมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงไขกระดูกและไขข้อ (แก่น)[5]
  14. ยางสน ใช้ผสมยาทาถูนวดแก้ปวดเมื่อย (ยาง)[4]

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของสนสามใบ

ประโยชน์ของสนสามใบ

เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคกลาง.  (พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ, ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, กัญจนา ดีวิเศษ).  “สนสามใบ”.  หน้า 139.
  2. หนังสือสมุนไพรพื้นบ้านล้านนา.  (ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล).  “สนสามใบ”.  หน้า 166.
  3. ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม.  “สนสามใบ”.  อ้างอิงใน: .  หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม 2, หนังสือไม้ต้นในสวน Tree in the Garden.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.qsbg.org.  [05 มิ.ย. 2014].
  4. ศูนย์ปฏิบัติการโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช.  “สนสามใบ”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.goldenjubilee-king50.com.  [05 มิ.ย. 2014].
  5. หนังสือวัลลิ์รุกขบุปผชาติ ตามรอยพระบาทบรมราชกุมารี.  (สมพร ณ นคร).  “สนสามใบ”.
  6. เครื่องยาไทย-น้ำกระสายยา”.  (ผศ.ดร.ชยันต์ พิเชียรสุนทร , ศ.คุณหญิงแม้นมาส ชวลิต, ศ.ดร.วิเชียร จีรวงส์).
  7. ระบบจัดการฐานความรู้ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ สำนักงานความหลากหลายทางชีวภาพด้านป่าไม้ กรมป่าไม้.  “สนสามใบ”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: biodiversity.forest.go.th.  [05 มิ.ย. 2014].
  8. ASTV ผู้จัดการออนไลน์.  (ภญ.รศ.ดร.นาถธิดา วีระปรียากูร).  “แสงซินโครตรอนยืนยัน ติ้วขน-สนสามใบ ทำเซลล์มะเร็งทำลายตัวเองได้”. [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.manager.co.th.  [05 มิ.ย. 2014].

ภาพประกอบ : www.flickr.com (by SierraSunrise, Paco Garin), www.magnoliathailand.com (by natureman), www.bloggang.com (by แม่แป้น 026)

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ()

  • 1 สนสามใบ
  • 2 ลักษณะของสนสามใบ
  • 3 สรรพคุณของสนสามใบ
  • 4 ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของสนสามใบ
  • 5 ประโยชน์ของสนสามใบ
  • 6 เอกสารอ้างอิง
เรื่องที่น่าสนใจ