รัก สรรพคุณและประโยชน์ของดอกรัก ต้นรัก 29 ข้อ

รัก

รัก ชื่อสามัญ Crown flower, Giant Indian Milkweed[1], Giant Milkweed, Tembega[3]จะเห็นได้ว่าชื่อสามัญจะเรียกกันตามลักษณะของดอกที่คล้ายมงกุฎ หรือลักษณะของน้ำยางสีขาวที่คล้ายน้ำนม และยังบอกอีกว่าเป็นพืชที่มาจากอินเดีย[2]

รัก ชื่อวิทยาศาสตร์ Calotropis gigantea (L.) Dryand. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Calotropis gigantea (L.) R. Br. ex Schult.) จัดอยู่ในวงศ์ตีนเป็ด (APOCYNACEAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยนมตำเลีย (ASCLEPIADOIDEAE หรือ ASCLEPIADACEAE)[1],[3]

สมุนไพรรัก มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า รักขาว รักเขา รักซ้อน (เพชรบูรณ์), ปอเถื่อน ป่านเถื่อน (ภาคเหนือ), รัก รักดอก รักดอกขาว รักดอกม่วง (ภาคกลาง), รักร้อยมาลัย, รักแดง เป็นต้น[1],[2],[3]

เชื่อกันว่าถิ่นกำเนิดของต้นรักดั้งเดิมคือประเทศอินเดีย หรืออาจรวมถึงพื้นที่บางส่วนของจีน ทิเบต และอิหร่านด้วย แต่ต้นรักที่พบในเมืองไทยนั้นคงมาจากประเทศอินเดีย เพราะคนไทยเรียกชื่อต้นรักคล้ายกับอินเดียมาก ซึ่งในอินเดียจะเรียกว่า “อรัก” (อะรัก มีความหมายว่า ไม่รัก) คนไทยคงฟังไม่ถนัดจึงเรียกว่า “รัก” แทน ทำให้ความหมายกลายเป็นตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง และถูกนำมาใช้ในพิธีกรรมต่าง ๆ มากมาย อีกทั้งยังถือเป็นไม้มงคลที่คนไทยแทบทุกคนเคยเกี่ยวข้องด้วย (ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม)[2]

ลักษณะของต้นรัก

ต้นรัก

ใบรัก

ดอกรัก

รูปดอกรัก

ลักษณะของดอกรัก

ผลรัก

ฝักรัก เมล็ดรัก

สรรพคุณของต้นรัก

  1. ดอกมีรสเฝื่อน สรรพคุณช่วยทำให้เจริญอาหาร (ดอก)[1],[9]
  2. ต้นมีรสเฝื่อนขม มีสรรพคุณช่วยบำรุงทวารทั้งห้า (ต้น)[10]
  3. ยางจากต้นเป็นยาแก้อาการปวดหู ปวดฟัน (ยางขาวจากต้น)[1],[7],[9]
  4. รากใช้เป็นยาแก้ไข้ (ราก)[7] แก้ไข้เหนือ (ราก)[10]
  5. ช่วยแก้อาการไอ อาการหวัด แก้หอบหืด (ดอก)[1],[8],[9]
  6. ช่วยทำให้อาเจียน (เปลือกต้น[1],[7],[9], ราก[4], เปลือกราก[7],[9])
  7. ช่วยขับเหงื่อ (ราก[4], เปลือกราก[7])
  8. เปลือกรากมีสรรพคุณช่วยขับเสมหะได้ (เปลือกราก)[8],[9]
  9. ช่วยในการย่อย (ดอก)[1],[9]
  10. ใช้เป็นยารักษาโรคบิด (ราก[4], เปลือกราก[7],[9]) แก้บิดมูกเลือด (ราก)[7]
  11. ยางขาวจากต้นมีฤทธิ์เป็นยาถ่ายอย่างแรง (ยางขาวจากต้น)[1],[4],[9]
  12. ใช้เป็นยาขับพยาธิ โดยใช้ยางขาวจากต้นนำมาทาตัวปลาช่อนแล้วย่างไฟให้เด็กกินเป็นยาเบื่อพยาธิไส้เดือน (ยางขาวจากต้น)[1],[2]
  13. ช่วยแก้ริดสีดวงในลำไส้ (ยางขาวจากต้น)[2],[10]
  14. ใบมีสรรพคุณเป็นยาแก้ริดสีดวงทวาร (ใบ)[2],[7]
  15. ยางขาวจากต้นมีฤทธิ์เป็นยาขับเลือด ทำให้แท้งได้ (ยาง)[8],[9]
  16. เปลือกต้นมีสรรพคุณช่วยขับน้ำเหลืองเสีย (เปลือกต้น)[1],[9]
  17. ยางไม้ใช้ใส่แผลสดเป็นยาฆ่าเชื้อ (ยางขาวจากต้น)[5]
  18. ช่วยแกคุดทะราด (ใบ)[2]
  19. ช่วยแก้กลากเกลื้อน (ยางขาวจากต้น[1],[9], ดอก[2])
  20. น้ำยางจากต้นใช้รักษาโรคเรื้อน (ยางขาวจากต้น)[4]
  21. ผลหรือฝัก ใช้แก้รังแคบนหนังศีรษะ (ผล)[2],[7]
  22. ใบสดใช้เป็นยาพอกเพื่อบรรเทาอาการของโรคไขข้อ (ใบ)[5]

ประโยชน์ของต้นรัก

  1. ในทางไสยศาสตร์จะนิยมใช้รากของต้นรักที่มีดอกซ้อนสีขาวมาแกะเป็นรูปพระปิดตา รูปนางกวัก หรือรูปเด็กขนาดเล็กที่นำมารวมกับรูปเด็กที่แกะได้จากรากของมะยม หรือที่เรียกว่า “รักยม” แล้วนำมาแช่ในขวดเล็ก ๆ ที่ใส่น้ำมันจันทน์ ก็นับว่าเป็นของขลังอีกอย่างหนึ่งที่ชายไทยสมัยก่อนนิยมพกติดตัวเวลาออกจากบ้าน ส่วนใบของต้นรักนั้นก็นำมาใช้ทำเสน่ห์ให้คนรักได้ โดยใช้เฉพาะใบจากต้นรักซ้อนสีขาวเช่นเดียวกัน[2]
  2. สำหรับชาวฮาวายถือว่ามาลัยดอกรักที่นำมาทำเป็นสร้อยคอ (lei) คือ สัญลักษณ์ของความเป็นกษัตริย์[8]
  3. ดอกรักนับว่าเป็นสินค้าอีกอย่างหนึ่งที่คนไทยต้องการใช้ตลอดปี เพราะนำมาใช้ในการร้อยพวงมาลัย บางพื้นที่มีการปลูกต้นรักเอาไว้เก็บดอกเพื่อนำมาร้อยเป็นพวงมาลัยไว้ขายเองโดยเฉพาะ โดยมักจะปลูกร่วมกับต้นมะลิ เพราะต้องใช้ประกอบเป็นพวงมาลัยที่คนไทยคุ้นเคยกันมากที่สุด[2] และดอกยังสามารถนำมาใช้ทำดอกไม้ประดิษฐ์ได้อีกด้วย[7]
  4. ในพิธีงานแต่งของคนไทยภาคกลาง นอกจากเราจะใช้ดอกรักนำมาร้อยเป็นพวงมาลัยสวมให้เจ้าบ่าวและเจ้าสาวแล้ว ก็ยังใช้ใบของต้นรักนำมารองก้นขันใส่สินสอดและขันใส่เงินทุนที่ให้แก่คู่สมรสอีกด้วย[2]
  5. ในประเทศอินเดียจะใช้น้ำจากผลเป็นส่วนผสมของเครื่องดื่มที่เรียกว่า “บาร์”[5]
  6. เส้นใยจากลำต้นและผลนำมายัดใส่หมอน[5] และมีรายงานว่าปุยจากเมล็ดสามารถนำไปใช้ทำเส้นด้ายที่ใช้ทอผ้า และนำมาใช้แทนนุ่นได้[7]
  7. เนื้อไม้นำมาเผาเป็นถ่านที่ใช้สำหรับผสมดินปืน[4]

พิษของต้นรัก

การเก็บรักษาดอกรัก

เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1.  (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์).  “รัก (Rug)”.  หน้า 258.
  2. มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 272 คอลัมน์: ต้นไม้ใบหญ้า.  “รัก ชื่อนั้นสำคัญยิ่งนัก”.  (เดชา ศิริภัทร).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.doctor.or.th.  [28 พ.ค. 2014].
  3. ระบบวินิจฉัยและการรักษาอาการอันเนื่องจากพืชพิษในประเทศไทย, สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.  “รัก”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.medplant.mahidol.ac.th/tpex/.  [28 พ.ค. 2014].
  4. หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม 5.  “รัก”.
  5. ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม.  “รักดอก”.  อ้างอิงใน: Nordic Journal of Botany, Volume 11, No.3, Page 306-307.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.qsbg.org.  [28 พ.ค. 2014].
  6. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี.  (กาญจนา เหลืองสุวาลัย, ศิริชัน อริยานนท์ภิญโญ, นิพนธ์ ทรัพย์ทิพย์).  “การยืดอายุการเก็บรักษาดอกรัก”.
  7. ระบบฐานข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชน, สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน).  (สุภาภรณ์ เยื้อนหนูวงค์).  “ต้นรัก”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.bedo.or.th. [28 พ.ค. 2014].
  8. วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี.  “รัก (ไม้พุ่ม)”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: th.wikipedia.org.  [28 พ.ค. 2014].
  9. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5.  (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม).  “รัก”.  หน้า 673-674.
  10. หนังสือเภสัชกรรมไทย (วุฒิ วิฒิธรรรมเวช).  “รัก”.

ภาพประกอบ : www.flickr.com (by Vijayasankar Raman, Ahmad Fuad Morad, Dinesh Valke, naturgucker.de / enjoynature.net, Blanca Rosa / Zoila Stincer, KumaYami, Clone…..)

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ()

  • 1 รัก
  • 2 ลักษณะของต้นรัก
  • 3 สรรพคุณของต้นรัก
  • 4 ประโยชน์ของต้นรัก
  • 5 พิษของต้นรัก
  • 6 การเก็บรักษาดอกรัก
  • 7 เอกสารอ้างอิง
เรื่องที่น่าสนใจ