on
ยาแก้ปวดไมเกรน
ยาแก้ปวดไมเกรน
ยาแก้ปวดไมเกรน (Ergotamine และ Caffeine) เป็นยาสำหรับรักษาอาการปวดศีรษะและส่วนอื่น ๆ ที่มีสาเหตุมาจากไมเกรน และอาจใช้รักษาอาการอื่นตามแพทย์เห็นเหมาะสม ตัวยาประกอบด้วยสาร 2 ชนิดคือ เออร์โกทามีนและคาเฟอีน ซึ่งออกฤทธิ์โดยทำให้เส้นเลือดที่อยู่รอบสมองหดตัวแคบลง ส่งผลให้อาการปวดศีรษะไมเกรนบรรเทาลง

เกี่ยวกับยาแก้ปวดไมเกรน
| กลุ่มยา | ยารักษาไมเกรน | 
| ประเภทยา | 
ยาตามใบสั่งแพทย์ ยาหาซื้อได้เอง |  
| สรรพคุณ | รักษาอาการปวดศีรษะจากไมเกรน | 
| กลุ่มผู้ป่วย | 
เด็กและผู้ใหญ่ |  
| รูปแบบของยา | ยาเม็ด | 
คำเตือนการใช้ยาแก้ปวดไมเกรน
- ยานี้อาจเป็นอันตรายต่อเด็กอ่อนและทารกในครรภ์ หญิงมีครรภ์ ขณะระหว่างคลอดบุตร และหญิงที่ให้นมบุตรไม่ควรรับประทาน
 - ผู้ป่วยโรคหลอดเลือด โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคตับ โรคไต หรือมีการติดเชื้อรุนแรงไม่ควรใช้ยานี้
 - การได้รับนิโคตินอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจากยารุนแรงได้ ผู้ที่สูบบุหรี่หรือใช้สารนิโคตินควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา
 - การใช้ในปริมาณมากหรือต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจทำให้มีอาการเสพติดการใช้ยา ผู้ใช้ยาแก้ปวดไมเกรนควรรับประทานตามปริมาณและระยะเวลาที่แพทย์กำกับ
 - การใช้ยานี้กับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ยังไม่เป็นที่ยืนยันว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการรักษา
 - แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงยาชนิดอื่นที่ใช้ เพื่อป้องกันผลข้างเคียงจากการทำปฏิกิริยากันของยา
 - 
ผู้ที่กำลังใช้ยาตัวใด ๆ ต่อไปนี้ ไม่ควรรับประทานยาแก้ปวดไมเกรน 
- ยารักษาไมเกรน เช่น ซูมาทริปแทน (Sumatriptan) และอีลีทริปแทน (Eletriptan)
 - ยาปฏิชีวนะ เช่น คลาริโธรมัยซิน (Clarithromycin)
 - ยารักษาโรคติดเชื้อรา เช่น โวริโคนาโซล (Voriconazole) คีโตโคนาโซล (Ketoconazole) ไอทราโคนาโซล (Itraconazole)
 - ยาต้านเชื้อไวรัสเอชไอวี เช่น ดีลาเวอร์ดีน (Delavirdine) ฟอสแอมพรีนาเวียร์ (Fosamprenavir) ซาควินาเวียร์ (Saquinavir) อะทาซานาเวียร์ (Atazanavir) ริโทนาเวียร์ (Ritonavir) เอฟฟาไวเร็นซ์ (Efavirenz) และอินดินาเวียร์ (Indinavir)
 
 
ปริมาณการใช้ยาแก้ปวดไมเกรน
โรคปวดศีรษะไมเกรน
- เด็กอายุ 6-12 ปี เออร์โกทามีน 1 มิลลิกรัม รับประทานเมื่อมีอาการ เพิ่มปริมาณครั้งละ 1 มิลลิกรัม ทุก 30 นาที จนทุเลา (ปริมาณสูงสุดไม่เกิน 3 มิลลิกรัม/วัน และไม่เกิน 5 มิลลิกรัม/สัปดาห์)
 - ผู้ใหญ่ เออร์โกทามีน 2 มิลลิกรัม รับประทานเมื่อมีอาการ เพิ่มปริมาณครั้งละ 1 มิลลิกรัม ทุก 30 นาที จนทุเลา (ปริมาณสูงสุดไม่เกิน 6 มิลลิกรัม/วัน และไม่เกิน 10 มิลลิกรัม/สัปดาห์)
 
โรคปวดศีรษะคลัสเตอร์
- ผู้ใหญ่ เออร์โกทามีน 2 มิลลิกรัม รับประทานเมื่อมีอาการ เพิ่มปริมาณครั้งละ 1 มิลลิกรัม ทุก 30 นาที จนทุเลา (ปริมาณสูงสุดไม่เกิน 6 มิลลิกรัม/วัน และไม่เกิน 10 มิลลิกรัม/สัปดาห์)
 
หมายเหตุ: ปริมาณดังกล่าวในตารางเป็นปริมาณของสารเออร์โกทามีนที่แนะนำในหนึ่งเม็ดยา
การใช้ยาแก้ปวดไมเกรน
 
- ยานี้ไม่สามารถใช้รักษาอาการปวดศีรษะประเภทอื่นได้
 - รับประทานตามปริมาณและระยะเวลาที่แนะนำ หากใช้มากเกินไปอาจทำให้อาการแย่ลงและเกิดผลข้างเคียงตามมา
 - รับประทานได้ทั้งในระหว่างมื้ออาหารและขณะท้องว่าง
 - เมื่อมีอาการปวดศีรษะสามารถรับประทานได้ทันที และอาจเพิ่มปริมาณยาตามแพทย์แนะนำ ทุก 30 นาทีหากอาการไม่ดีขึ้น แต่ไม่ควรรับประทานเกิน 6 มิลลิกรัม (ปริมาณเออร์โกทามีน) ภายใน 24 ชั่วโมง หรือเกินกว่า 10 มิลลิกรัมต่อสัปดาห์โดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์
 - หากลืมรับประทานยาและยังมีอาการปวดศีรษะอยู่ สามารถรับประทานได้ทันที และไม่ต้องเพิ่มปริมาณทดแทน
 
ผลข้างเคียงจากการใช้ยาแก้ปวดไมเกรน
 
- ยาแก้ปวดไมเกรนมีผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยคือ อาการคลื่นไส้ และในรายที่มีอาการชนิดรุนแรงเหล่านี้ ควรต้องได้รับการรักษาพยาบาลจากแพทย์ทันที
 - อาการแพ้รุนแรง เช่น แน่นหน้าอก หายใจลำบาก มีผื่นคัน ลมพิษ ลิ้น ปาก ริมฝีปาก หรือใบหน้าบวม
 - นิ้วมือนิ้วเท้าเย็น ซีด หรือเป็นสีฟ้า
 - ชาตามผิวหนัง มือและเท้า
 - ปวดศีรษะ วิงเวียน ประสาทหลอน
 - ท้องเสีย คลื่นไส้อาเจียนอย่างต่อเนื่อง
 - อัตราการเต้นของหัวใจไม่ปกติ ชีพจรเต้นอ่อน หายใจลำบาก
 - ตะคริว กล้ามเนื้ออ่อนแรง เจ็บกล้ามเนื้อ อาการชัก
 - อารมณ์แปรปรวน
 - การใช้ยาแก้ปวดไมเกรนปริมาณมากต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจทำให้หลอดเลือดหดตัวมากเกินไป ส่งผลให้แขนขาขาดเลือดจนเน่าและรุนแรงถึงขั้นต้องตัดทิ้งได้ โดยผู้ใช้ยาอาจมีอาการเย็นตามแขนและขา หัวใจเต้นช้า เนื้อเขียวเพราะขาดออกซิเจน ปวดกล้ามเนื้อ และปวดบริเวณส่วนหน้าของหัวใจ เป็นต้น