ยาแก้ท้องเฟ้อ (Drug for indigestion)

การเตรียมตัวก่อนพบแพทย์



ยาแก้ท้องเฟ้อ

ยาแก้ท้องเฟ้อมีคุณสมบัติอย่างไร?

ยาแก้ท้องเฟ้อ(Drug for indigestion หรือ Medication for indigestion)เป็นยาที่ช่วยบรรเทาอาการที่เกิดจากการมีลมในท้องมากผิดปกติ เช่น แน่นท้อง ปวดท้อง เรอบ่อย ซึ่งอาจเกิดร่วมกับอาการ คลื่นไส้ อาเจียน จุก/เสียดท้อง และ/หรืออาการแสบร้อนกลางอก

ยาแก้ท้องเฟ้อมีกี่ประเภท?

ยาแก้ท้องเฟ้อ แบ่งตามชนิด/ประเภทของยาได้ ดังนี้

1. ยาลดกรด (Antacids) ได้แก่

2. ยาไซเมทิโคน (Simethicone)

3. ยาขับลม (Compound Cardamom Mixture): มีส่วนประกอบของสารสกัดจากพริก (Capsicum Tincture), สารสกัดจากกระวาน (Compound cardamom tincture), สารสกัดจากขิง (Strong Ginger Tincture)

4. ยาธาตุน้ำแดง (Stomachic Mixture): มีส่วนกระกอบของโซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium bicarbonate) และสารสกัดจากโกฐน้ำเต้า (Compound Rhubarb Tincture)

5. ยาธาตุน้ำขาว (Salol et Menthol Mixture): มีส่วนกระกอบของ เฟนิลซาลิไซเลท หรือซาลอล (Phenyl salicylate or Salol, สารที่ช่วยบันเทาอาการปวดที่ไม่รุนแรงและมีฤทธิ์อ่อนๆในการต้านแบคทีเรีย), น้ำมันเทียนสัตตบุษย์หรือโป๊ยกั๊ก (Anise oil), เมนทอล (Menthol)

6. ทิงเจอร์มหาหิงคุ์ (Asafoetida Tincture): สกัดจากยางต้นไม้ ที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Ferula assafoetida

ยาแก้ท้องเฟ้อมีรูปแบบการจำหน่ายอย่างไร?

ยาแก้ท้องเฟ้อมีรูปแบบการจำหน่าย ดังนี้

อนึ่ง อ่านเรื่องรูปแบบของยาแผนปัจจุบันเพิ่มเติมได้ในเว็บ บทความเรื่อง “รูปแบบยาเตรียม”

มีข้อบ่งใช้ยาแก้ท้องเฟ้ออย่างไร?

มีข้อบ่งใช้ยาแก้ท้องเฟ้อ เช่น

1. ยาแก้ท้องเฟ้อ ใช้บรรเทาอาการ ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุก/เสียดท้อง/ แน่นท้อง เนื่องจากมีลมมากในระบบทางเดินอาหาร และช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร

2. ข้อบ่งใช้อื่นๆของบางตัวยาแก้ท้องเฟ้อ เช่น

มีข้อห้ามใช้ยาแก้ท้องเฟ้ออย่างไร?

มีข้อห้ามการใช้ยาแก้ท้องเฟ้อ เช่น

1.ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ยานั้นๆ

2.ห้ามใช้ยาลดกรดที่มีส่วนประกอบของ Aluminium hydroxide ในทารกแรกเกิด, ในผู้ที่มีภาวะฟอสเฟต(Phosphate)ในเลือดต่ำ, ผู้ป่วยโรคตับ และผู้ป่วยโรคไต

3.ห้ามใช้ยาลดกรดที่มีส่วนประกอบของ Magnesium hydroxide ในผู้ป่วยโรคไต

4.ห้ามใช้ยาแก้ท้องเฟ้อที่มีส่วนประกอบของ Sodium bicarbonate เช่น ยาเม็ดโซดามินท์ และยาธาตุน้ำแดง ในผู้ที่มีภาวะด่างเกินในกระแสเลือด (ภาวะเลือดเป็นด่าง/Alkalosis) ภาวะโซเดียมในเลือดสูง แคลเซียมในเลือดสูง ภาวะปอดบวมน้ำอย่างรุนแรง โรคหัวใจ โรคไต และผู้ที่ต้องจำกัดปริมาณเกลือแกง/เกลือโซเดียมในอาหาร

5. ยาทิงเจอร์มหาหิงคุ์ มีทั้งรูปแบบยาทาที่ใช้ภายนอก และยารับประทาน หากเป็นชนิดที่ใช้ภายนอก จะใช้เป็นยาทาบริเวณหน้าท้องของเด็กทารกซึ่งต้องใช้ภายนอกเท่านั้น ห้ามรับประทาน ห้ามยาเข้าปาก และเข้าตา

มีข้อควรระวังการใช้ยาแก้ท้องเฟ้ออย่างไร?

มีข้อควรระวังการใช้ยาแก้ท้องเฟ้อ เช่น

1.ไม่ควรใช้ยาลดกรดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้ร่างกายได้รับยานี้ในปริมาณมาก จนอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ (ผลข้างเคียง)จากยานี้ได้ และไม่ควรใช้ยาลดกรดเพื่อรักษาแผลในระบบทางเดินอาหาร เพราะมียากลุ่มอื่น เช่น ยากลุ่ม Proton-pump Inhibitors ที่มีประสิทธิภาพในการรักษาแผลในทางเดินอาหารได้ดีกว่า และมีความปลอดภัยจากการใช้ยามากกว่า

2. ระวังการใช้ยาสมุนไพรแก้ท้องเฟ้อที่มีส่วนผสมของสมุนไพรหลายชนิด เนื่องจากประโยชน์ของยาผสมเหล่านี้ยังไม่ได้รับการยืนยันด้านประสิทธิผล อาจมีขนาดของตัวยาน้อยหรือมากเกินไป ซึ่งจะทำให้เกิดอันตรายได้ หากใช้ยาในขนาดสูงหรือใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน

3. นอกจากการรับประทานยาแก้ท้องเฟ้อเพื่อบรรเทาอาการแล้ว ผู้ป่วยควรปรับพฤติกรรมอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น รับประทานอาหารอ่อน อาหารที่ย่อยง่าย เคี้ยวอาหารให้ละเอียด งดรับประทานอาหารครั้งละมากๆ งดรับประทานอาหารไขมันมาก และอาหารรสจัด และหากอาการยังไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์/ไปโรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์ตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการ

การใช้ยาแก้ท้องเฟ้อในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรเป็นอย่างไร?

การใช้ยาแก้ท้องเฟ้อในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรเป็นดังนี้ เช่น

1. ยาลดกรดมีความปลอดภัยในทั้งหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร แต่อย่างไรก็ตาม ควรใช้เมื่อมีอาการเท่านั้น และไม่ใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน

2. ยา Simethicone เป็นยาที่จะเลือกใช้ในหญิงตั้งครรภ์ก็ต่อเมื่อแพทย์พิจารณาแล้วว่าประโยชน์ที่เกิดขึ้นมีมากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับทารกในครรภ์

3. ไม่ควรใช้ยา Compound Cardamom Mixture, ยาธาตุน้ำแดง, ยาธาตุน้ำขาว และทิงเจอร์มหาหิงคุ์ชนิดรับประทานในหญิงตั้งครรภ์ เพราะในตำรับยาเหล่านี้ มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ที่อาจทำให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์

การใช้ยาแก้ท้องเฟ้อในผู้สูงอายุควรเป็นอย่างไร?

การใช้ยาแก้ท้องเฟ้อในผู้สูงอายุควรเป็นดังนี้ เช่น

1. วัยสูงอายุเป็นวัยที่มีการทำงานของตับและของไตลดลง หรือมักป่วยเป็นโรคตับและโรคไต จึงควรระวังการใช้ยาแก้ท้องเฟ้อบางชนิด โดยเฉพาะยาลดกรด และยาธาตุน้ำแดง และไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะอาจทำอาการของโรคตับและไตแย่ลง

2. เนื่องจากวัยสูงอายุมักจะใช้ยาหลายชนิด ผู้ป่วยจึงควรแจ้งแพทย์และ/หรือเภสัชกรว่า กำลังใช้ยาใดอยู่เป็นประจำ เพื่อป้องกันการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา (Drug interaction) ตัวอย่างเช่น ยาลดกรดจะลดการดูดซึมยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียในกลุ่ม Fluoroquinolones จึงไม่ควรรับประทานยาเหล่านี้ร่วมกัน ควรรับประทานยากลุ่ม Fluoroquinolones ก่อนยาลดกรดอย่างน้อย 2 ชั่วโมง

การใช้ยาแก้ท้องเฟ้อในเด็กควรเป็นอย่างไร?

การใช้ยาแก้ท้องเฟ้อในเด็กควรเป็นดังนี้ เช่น

1. ไม่ควรใช้ยาลดกรดในเด็ก เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยมากเพียงพอ

2. ยา Simethicone เป็นยาที่สามารถใช้ในเด็กได้ โดยแพทย์จะปรับขนาดยาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยเด็กแต่ละราย

3. ไม่ควรใช้ยา Compound Cardamom Mixture, ยาธาตุน้ำแดง, ยาธาตุน้ำขาว และทิงเจอร์มหาหิงคุ์ชนิดรับประทานในเด็ก เพราะในตำรับมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หากได้รับแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก อาจส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางสติปัญญาที่ผิดปกติ

4. ควรระวังการใช้ยาทิงเจอร์มหาหิงคุ์ชนิดใช้ภายนอก/ชนิดทาผิวหนังในบริเวณที่เป็นแผลถลอก และการใช้ในทารก ต้องระวังไม่ให้ยาเข้าตาเพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบ บวม ของเยื่อตา เยื่อตาอักเสบ และ/หรือเข้าปาก เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบ บวม ของเนื้อเยื่อในช่องปาก

อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาแก้ท้องเฟ้อเป็นอย่างไร?

อาการไม่พึงประสงค์(ผลข้างเคียง)จากการใช้ยาแก้ท้องเฟ้อ เช่น

1. ยาลดกรดที่มีส่วนประกอบ Aluminium hydroxide: ทำให้เกิดอาการท้องผูก ภาวะลำไส้อุดตัน โรคริดสีดวงทวาร หากใช้ยานานเกินไปอาจทำให้เกิดภาวะฟอสเฟตในเลือดต่ำ ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง ภาวะกระดูกพรุน และ โรคกระดูกน่วม

2. ยาลดกรดที่มีส่วนประกอบของ Magnesium hydroxide: ทำให้เกิดอาการ ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ภาวะขาดน้ำ

3. ยาที่มีส่วนประกอบของ Sodium bicarbonate: เช่น ยาเม็ดโซดามินท์ และยาธาตุน้ำแดง ทำให้เกิดภาวะด่างเกินในกระแสเลือด(เลือดเป็นด่าง) อารมณ์แปรปรวน เหนื่อยหอบ หายใจลำบาก ภาวะโซเดียมในเลือดสูง แคลเซียมในเลือดต่ำ หัวใจเต้นผิดปกติ

4. ยา Simethicone: ทำให้เกิดอาการถ่ายอุจจาระเหลว คลื่นไส้ อาเจียน เรอ ปวดศีรษะ

5. ยา Compound Cardamom Mixture: ทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก อาการระคายเคืองรอบทวารหนัก ผื่นขึ้นตามตัว ปวดศีรษะ หัวใจเต้นช้า

6. ยาธาตุน้ำขาว อาจเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาได้เมื่อผู้ป่วยแพ้สาร Menthol โดยอาจทำให้เกิดอาการ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เดินเซ ผื่นขึ้นตามตัว

7. ยาทิงเจอร์มหาหิงคุ์: ยังไม่มีรายงานอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยานี้

สรุป

ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด(รวมยาแก้ท้องเฟ้อ) ยาแผนโบราญทุกชนิด อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะ ยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกชนิด ควรต้องปฏิบัติตาม ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน

บรรณานุกรม

  1. คณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ. คู่มือการใช้ยาอย่างสมเหตุผล ตามบัญชียาหลักแห่งชาติเล่ม 1 ยาระบบทางเดิน [2016,Dec31]
  2. นิศารัตน์ ศิริวัฒนเมธานนท์ ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. มหาหิงคุ์…ยาเก่าเอามาเล่าใหม่ [2016,Dec31]
  3. สำนักยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา. ยาแก้ปวดท้อง ท้องอืด ท้องขึ้น ท้องเฟ้อ [2016,Dec31]
  4. ศศิประภา บุญญพิสิฏฎ์. ท้องอืด.... อาหารไม่ย่อย (ตอนที่ 2) แหล่งที่มา: [2016,Dec31]
  5. Drugs.com. Asafetida [2016,Dec31]