ยาคุม และข้อดีข้อเสียของวิธีคุมกำเนิดแบบต่าง ๆ

ในปัจจุบัน มีวิธีคุมกำเนิดให้เลือกหลากหลาย ทั้งการใช้ยาคุมและการคุมกำเนิดรูปแบบต่าง ๆ การเลือกวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสมนับเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่กระทบต่อสุขภาพหรือการวางแผนครอบครัวในอนาคต ทั้งนี้ ควรพิจารณาจากหลายปัจจัย ทั้งระยะเวลาในการคุมกำเนิด ข้อดีและข้อเสียของการคุมกำเนิดแต่ละวิธี และความสะดวกในการเลือกวิธีคุมกำเนิด  

ยาคุม

การเลือกใช้ยาคุมหรือการคุมกำเนิดแต่ละวิธี อาจพิจารณาจากคุณสมบัติและข้อดีข้อเสีย ดังต่อไปนี้

ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสติน ทำหน้าที่ยับยั้งการตกไข่ ทำให้มูกช่องคลอดข้นขึ้น ป้องกันอสุจิเคลื่อนตัวผ่านปากมดลูก และทำให้ผนังมดลูกไม่เหมาะกับการฝังตัว

ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว เป็นยาคุมที่มีฮอร์โมนโปรเจสตินเพียงอย่างเดียว โดยยาคุมชนิดนี้จะส่งผลต่อการตกไข่ ช่วยให้มูกช่องคลอดข้นขึ้น ป้องกันห้อสุจิเคลื่อนตัวผ่านปากมดลูก และทำให้ผนังมดลูกไม่เหมาะแก่การฝังตัว

มีการศึกษาค้นคว้าที่แนะนำว่า การรับประทานยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนทั้ง 2 แบบ อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกและมะเร็งรังไข่ได้เล็กน้อย แต่ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งตับได้เล็กน้อยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม นอกจากยาคุมกำเนิดเหล่านี้ อาจมีปัจจัยอื่นอีกมากมายที่ทำให้เกิดมะเร็งได้

ยาคุมฉุกเฉิน เป็นวิธีป้องกันการตั้งครรภ์หลังมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน รวมถึงเมื่อเกิดสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น ถุงยางรั่ว ถูกข่มขืน หรือลืมรับประทานยาคุมกำเนิดตามปกติ เป็นต้น แม้จะเป็นการคุมกำเนิดรูปแบบหนึ่ง แต่อาจมีประสิทธิภาพไม่เท่ากับวิธีการอื่น ๆ โดยยาคุมฉุกเฉินมี 2 ชนิด คือ ลีโวนอร์เจสเตรล 1.5 มิลลิกรัม และอัลลิพริสตัล อซิเตท 30 มิลลิกรัม ซึ่งอาจป้องกันการตั้งครรภ์ด้วยการยับยั้งการตกไข่ชั่วคราว ป้องกันการปฏิสนธิ หรือไม่ให้ไข่ที่ปฏิสนธิแล้วฝังตัวในมดลูก

ยาคุมแบบฉีด แพทย์จะฉีดฮอร์โมนโปรเจสตินให้ทุก ๆ 3 เดือน ยาฉีดคุมกำเนิดจะส่งผลต่อการตกไข่ เยื่อบุโพรงมดลูก และเพิ่มความข้นให้แก่มูกช่องคลอด เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์

ยาฝังคุมกำเนิด มีลักษณะเป็นหลอดยาขนาดเล็ก ภายในบรรจุฮอร์โมนโปรเจสตินไว้ ใช้ฝังเข้าไปใต้ผิวหนัง โดยยาฝังคุมกำเนิดจะส่งผลต่อการตกไข่และเพิ่มความข้นให้กับมูกช่องคลอด เพื่อขัดขวางการเคลื่อนตัวของอสุจิเข้าสู่มดลูก

ถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชาย มีลักษณะบาง ทำจากยางหรือวัสดุอื่น ๆ ใช้สวมที่อวัยวะเพศชายขณะมีเพศสัมพันธ์ เพื่อไม่ให้อสุจิผ่านเข้าไปในช่องคลอดจนเกิดการตั้งครรภ์

ถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิง มีลักษณะบาง ทำจากยางหรือวัสดุอื่น ๆ คล้ายกับถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชาย แต่มีวงแหวน 2 ด้าน ใส่ด้านที่เป็นวงแหวนปลายปิดเข้าไปในช่องคลอด เพื่อป้องกันไม่ให้อสุจิผ่านเข้าไป

ฟองน้ำคุมกำเนิด เป็นฟองน้ำทรงกลม ทำจากพลาสติกอาบด้วยน้ำยาฆ่าอสุจิ ใส่ภายในช่องคลอด เพื่อป้องกันอสุจิเคลื่อนตัวเข้าไปยังมดลูก

หมวกครอบปากมดลูก มีลักษณะคล้ายหมวก อาบด้วยน้ำยาฆ่าอสุจิ ใช้ครอบบริเวณปากมดลูก เพื่อป้องกันอสุจิเคลื่อนตัวผ่านไปยังมดลูก

ฝาครอบปากมดลูก มีลักษณะเป็นแผ่นยืดหยุ่นได้ อาบด้วยน้ำยาฆ่าอสุจิ ใส่ปิดบริเวณปากมดลูก เพื่อป้องกันไม่ให้อสุจิเคลื่อนตัวผ่านไปยังมดลูก

ห่วงอนามัยชนิดเคลือบทองแดง มีลักษณะเป็นรูปตัวที (T) ขนาดเล็ก แพทย์จะใส่ห่วงอนามัยบริเวณมดลูก เพื่อไม่ให้ไข่ที่ผสมกับอสุจิแล้วฝังตัวในมดลูกได้

ห่วงอนามัยชนิดฮอร์โมน มีลักษณะเป็นรูปตัวที (T) ขนาดเล็ก เหมือนชนิดเคลือบทองแดง แพทย์จะใส่ห่วงอนามัยบริเวณมดลูก จากนั้น ห่วงอนามัยจะปล่อยฮอร์โมนโปรเจสตินออกมา ส่งผลต่อการตกไข่และเพิ่มความข้นให้แก่มูกช่องคลอด เพื่อขัดขวางการเคลื่อนตัวของอสุจิเข้าสู่มดลูก

แผ่นแปะคุมกำเนิด มีลักษณะเป็นแผ่นขนาดประมาณ 2 ตารางนิ้ว แปะลงบนผิวหนัง โดยแผ่นแปะคุมกำเนิดจะปล่อยฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสตินออกมา ส่งผลต่อการตกไข่และประสิทธิภาพในการฝังตัวของไข่ รวมถึงทำให้มูกช่องคลอดข้นขึ้นจนอสุจิเคลื่อนตัวเข้าไปได้ยาก ผู้ใช้ต้องเปลี่ยนแผ่นแปะคุมกำเนิดใหม่ทุกสัปดาห์อย่างต่อเนื่องนาน 3 สัปดาห์ และหยุดใช้แผ่นแปะ 1 สัปดาห์ ในระหว่างที่ประจำเดือนมา

วงแหวนคุมกำเนิด มีลักษณะเป็นห่วงยืดหยุ่นได้ มีขนาดประมาณ 2 นิ้ว ใส่ได้ด้วยตนเองบริเวณอวัยวะเพศหญิง โดยวงแหวนคุมกำเนิดจะปล่อยฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสตินออกมา ส่งผลต่อการตกไข่และเยื่อบุมดลูก ทำให้มูกมดลูกข้นขึ้น เพื่อไม่ให้อสุจิเคลื่อนตัวเข้าสู่มดลูก หากต้องการให้ประจำเดือนมาตามปกติ ต้องถอดวงแหวนคุมกำเนิดออกล่วงหน้าเป็นเวลา 1 สัปดาห์

การนับระยะปลอดภัย หรือวิธีหน้า 7 หลัง 7 เป็นการนับวันเพื่อให้ทราบว่าช่วงเวลาใดของเดือนที่มีโอกาสตั้งครรภ์น้อยที่สุด

การทำหมันชาย เป็นการตัดและผูกท่อนำอสุจิ เพื่อไม่ให้อสุจิถูกปล่อยออกมาเมื่อมีการหลั่ง

การทำหมันหญิง เป็นการผูกท่อนำไข่ ทำให้อสุจิไม่สามารถเคลื่อนตัวเข้าสู่มดลูกได้