ยาคุมฉุกเฉิน ผลข้างเคียงยาคุมฉุกเฉิน วิธีกินยาคุมฉุกเฉิน

ยาคุมฉุกเฉิน

ยาคุมฉุกเฉิน หรือ ยาคุมกําเนิดฉุกเฉิน หรือ ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน (Emergency contraception pill) คือยาฮอร์โมนเช่นเดียวกับยาคุมกำเนิดธรรมดา ที่ผลิตออกมาเพื่อใช้เฉพาะในเหตุการณ์จำเป็นฉุกเฉินเท่านั้น แต่ตัวยาจะมีขนาดฮอร์โมนสูงกว่า ใช้กินเพื่อลดโอกาสการตั้งครรภ์หลังจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน โดยจะเกิดผลดีหากใช้อย่างถูกต้อง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้เต็ม 100% เพราะในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการคุมกำเนิดแบบใดที่ให้ผลเต็มร้อย ไม่ว่าจะเป็นการทำหมันหรือใส่ถุงยางอนามัยก็ตาม โดยตัวยาจะทำให้เยื่อบุมดลูกเปลี่ยนแปลงจนไม่เหมาะกับการฝังตัวของไข่ที่ผสมแล้ว

สรุปแล้วยาคุมฉุกเฉินก็คือยาคุมที่เหมือนกับยาคุมกำเนิดธรรมดาทั่วไปนั่นแหละครับ เพียงแต่จะมีปริมาณฮอร์โมนต่อเม็ดสูงกว่า และมีไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น และต้องกินหลังจากมีเพศสัมพันธ์ภายในเวลาที่กำหนด ไม่ควรใช้เพื่อการคุมกำเนิดในระยะยาว ถ้าจะคุมกำเนิดยาว ๆ แนะนำให้กินเป็นยาเม็ดคุมกำเนิดแบบธรรมดาจะดีกว่าครับ เพราะจะมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยต่อผู้ใช้มากกว่า หรือจะเลือกใช้วิธีคุมกำเนิดแบบอื่นก็ได้ เช่น การใส่ห่วงอนามัย การใช้แผ่นแปะคุมกำเนิด การฝังยาคุมกำเนิด เป็นต้น

ข้อบ่งใช้ยาคุมฉุกเฉิน

ยาคุมฉุกเฉินมีข้อบ่งใช้ในการป้องกันการตั้งครรภ์ใน “กรณีฉุกเฉินเท่านั้น” ซึ่งคำว่าฉุกเฉินในที่นี้หมายถึง

วิธีการกินยาคุมฉุกเฉิน

การกินยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน (แบบเดิม) อย่างถูกต้อง มีดังนี้

กินยาคุมฉุกเฉินแล้วประจำเดือนจะมาเมื่อไหร่

ยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่ยาขับประจำเดือนหรือทำให้ประจำเดือนมา แต่ผลข้างเคียงจากยาอาจทำให้มีเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอดในช่วงเวลา 1 สัปดาห์หลังกินยาได้ ซึ่งพบได้ประมาณ 16% (โดยเลือดที่ออกมามักเป็นผลข้างเคียงจากยา ไม่ใช่ประจำเดือน) ส่วนประจำเดือนจริง ๆ ของรอบเดือนนั้น มักจะมาในช่วงเวลาเดิม ซึ่งในบางรายอาจมาช้าหรือเร็วกว่าปกติก็ได้ ดังนั้น คุณจึงควรรอให้ถึงกำหนดเวลาปกติที่ประจำเดือนจะมาก่อน และหากพ้นเวลานั้นไปแล้วประมาณ 1-3 สัปดาห์ (จากที่ประจำเดือนควรจะมา) แล้วประจำเดือนยังไม่มา ให้สงสัยไว้ก่อนว่ากำลังตั้งครรภ์ และคุณควรรีบไปพบแพทย์

ยกตัวอย่าง : หากคุณมีรอบเดือนปกติคือ 28 วัน (ประจำเดือนมาทุก ๆ 28 วัน) ประจำเดือนครั้งล่าสุดมาวันแรกคือวันที่ 1 มกราคม หากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันและกินยาคุมฉุกเฉินวันที่ 14 มกราคม ในช่วงวันที่ 15-21 อาจมีเลือดออกผิดปกติหรือออกกะปริดกะปรอยทางช่องคลอดได้ ซึ่งไม่ใช่เลือดประจำเดือน เมื่อครบ 28 วัน ประจำเดือนควรจะมาวันที่ 29 มกราคม ซึ่งประจำเดือนจริง ๆ อาจจะมาช้ากว่าหรือเร็วกว่าวันที่ 29 มกราคมก็ได้ แต่ถ้าเลยหลังวันที่ 29 ไปแล้วประมาณ 1-3 สัปดาห์ ประจำเดือนยังไม่มา คุณควรทดสอบการตั้งครรภ์ และรีบไปพบแพทย์

ข้อควรรู้ : กินยาคุมฉุกเฉินแล้วมีเลือดออกก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ท้อง เพราะเลือดที่ออกมาอาจไม่ใช่ประจำเดือนก็ได้ อย่าประมาทกันล่ะครับ

ข้อควรรู้เกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉิน

การคุมกำเนิดฉุกเฉิน

ผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉิน

ยี่ห้อยาคุมฉุกเฉิน

ผลิตภัณฑ์ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินที่จำหน่ายในบ้านเราจะมีอยู่ด้วยกัน 2 ยี่ห้อหลัก ๆ ครับ คือ มาดอนน่า กับ โพสตินอร์ ซึ่งเป็นยาคุมฉุกเฉินที่มีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพียงเดียว คือ ลีโวนอร์เจสเตรล (Levonorgestrel) ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดก็พอ ๆ กันครับ เพราะเป็นตัวยาเดียวกันและมีขนาดเท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่าจะชอบของถูก (ของไทย) หรือของแพง (ของนอก) มากกว่า ส่วนยาคุมฉุกเฉินแบบฮอร์โมนรวมก็มีครับ คือรวมทั้งฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Levonorgestrel) กับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Ethinyl estradiol) เข้าด้วยกัน แต่เดี๋ยวนี้มันมียาคุมฉุกเฉินออกมาใหม่ครับ คือ Ulipristal acetate ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าแบบเดิม แต่ในบ้านเราตอนนี้ยังไม่มีขายนะครับ คงต้องรอไปก่อน คราวนี้มาดูกันต่อดีกว่าครับว่าแต่ละยี่ห้อจะแตกต่างกันยังไง

ยาคุมฉุกเฉินโพสตินอร์

ยาคุมฉุกเฉินมาดอนน่า

ยาคุมกําเนิดฉุกเฉิน

คำถามที่พบบ่อย

Q : หาซื้อยาคุมฉุกเฉินได้ที่ไหน ?
A : ตามร้านขายยาทั่วไป ราคาประมาณ 30-50 บาท (ควรซื้อไว้ 2 กล่อง เพราะอาจมีการอาเจียนหลังกิน)

Q : กินยาคุมฉุกเฉินก่อนมีเพศสัมพันธ์ได้หรือไม่ ?
A : กินก่อนได้ แต่ประสิทธิภาพจะไม่ดีเท่าตอนกินหลังมีเพศสัมพันธ์ทันที

Q : กินยาคุมฉุกเฉินหลังจากมีเพศสัมพันธ์ไปแล้วหลายวันได้หรือไม่ ?
A : ได้ครับ อย่างช้าสุดไม่ควรเกิน 5 วัน (แต่ประสิทธิภาพจะน้อย) จะให้ดีคือไม่เกิน 3 วันจะได้ผล 75% แต่ถ้ากินภายใน 24 ชั่วโมงหรือกินทันทีจะป้องกันได้ถึง 85% (ยิ่งเร็วยิ่งดี)

Q : หลังจากกินยาคุมฉุกเฉินแล้วเมื่อไหร่ประจำเดือนจะมา ?
A : โดยทั่วไปแล้วประมาณ 2-3 สัปดาห์ และในรอบเดือนถัดไปประจำเดือนจะมาในช่วงเวลาเดิม (ในบางรายอาจมาช้าหรือเร็วกว่าเดิม) หากประจำเดือนไม่มาให้สงสัยไว้ก่อนว่าตั้งครรภ์ แล้วควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจอีกที

Q : กินยาคุมฉุกเฉินแล้วประจำเดือนไม่มา ?
A : ต้องรอดู 2-3 สัปดาห์ หากประจำเดือนยังไม่มา ให้สงสัยไว้ก่อนว่าตั้งครรภ์

Q : หลังจากกินยาคุม 3-5 วัน แล้วพบว่ามีเลือดออก หมายความว่าไม่ตั้งครรภ์แล้วใช่ไหม ?
A : ไม่ใช่ครับ เพราะส่วนใหญ่อาจเป็นผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินก็ได้ และจะหายไปเองใน 2-3 วัน

Q : กินยาคุมฉุกเฉินแล้วจะมีเลือดออกหรือเปล่า ?
A : หลังกินยา 3-5 วันอาจมีเลือดออก และถือเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับบางรายก็ไม่มีอาการดังกล่าว

Q : หลังจากกินยาคุมฉุกเฉิน 3-5 วันแล้วมีเลือดออก จะเริ่มกินยาคุมกำเนิดแบบธรรมดาได้เลยไหม ?
A : เริ่มกินได้เลยครับ แต่แผงแรกควรใช้วิธีการคุมกำเนิดอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น การใส่ถุงยางอนามัย เมื่อถึงเดือนถัดไปยาก็จะทำงานได้อย่างเต็มที่แล้ว

Q : กินยาคุมฉุกเฉินบ่อย จะเป็นอะไรไหม ?
A : มีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์สูงมากขึ้น เพราะประจำเดือนอาจจะมาไม่ตรง (ห้ามใช้เกินเดือนละ 2 กล่อง)

Q : ยาคุมฉุกเฉิน มีอันตรายหรือไม่ ?
A : หากใช้อย่างถูกวิธี ก็ไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ กับร่างกายได้ (หากไม่จำเป็นจริง ๆ ห้ามใช้เด็ดขาด) แต่สำหรับผู้ที่เคยเป็นโรคหัวใจ หรือโรคที่เกี่ยวกับเส้ยเลือดหัวใจ โรคลมชัก โลหิตแข็งตัว ต้องปรึกษาแพทย์ก่อน

Q : ระหว่างยาคุมฉุกเฉินกับถุงยางอนามัย อันไหนดีกว่ากัน ?
A : ถุงยางอนามัยดีกว่า เพราะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% และยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศได้อีกด้วย

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ()

  • 1 ยาคุมฉุกเฉิน
  • 2 ข้อบ่งใช้ยาคุมฉุกเฉิน
  • 3 วิธีการกินยาคุมฉุกเฉิน
  • 4 กินยาคุมฉุกเฉินแล้วประจำเดือนจะมาเมื่อไหร่
  • 5 ข้อควรรู้เกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉิน
  • 6 ผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉิน
  • 7 ยี่ห้อยาคุมฉุกเฉิน
  • 8 คำถามที่พบบ่อย
เรื่องที่น่าสนใจ