on
ยากันชัก ยาต้านชัก (Anticonvulsant drugs)
- บทนำ
- ยากันชักหมายถึงยาที่มีคุณสมบัติอะไร?
- ยากันชักมีกี่ประเภท?
- ยากันชักมีรูปแบบจำหน่ายอย่างไร?
- ยากันชักมีข้อบ่งใช้อย่างไร?
- มีข้อห้ามการใช้ยากันชักใช้อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้ยากันชักอย่างไร?
- การใช้ยากันชักในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรเป็นอย่างไร?
- การใช้ยากันชักในผู้สูงอายุควรเป็นอย่างไร?
- การใช้ยากันชักในเด็กควรเป็นอย่างไร?
- มีอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยากันชักอย่างไร?
- ข้อควรจำ
- บรรณานุกรม

ยากันชักหมายถึงยาที่มีคุณสมบัติอะไร?
ยากันชัก หรือยาต้านชัก หรือยาแก้ชัก หรือยารักษาอาการชัก (Anticonvulsant drugs หรือ Antiepileptic drugs หรือ Antiseizure drugs) คือ ยาที่ใช้รักษาและป้องกันอาการชักแบบ ต่างๆทั้งจากโรคลมชักเอง หรือจากภาวะอื่นๆเช่น ในผู้ที่มีอาการถอนสุรา (ถอนยา), เสียสมดุล เกลือแร่ได้แก่ โซเดียม แคลเซียม และแมกนีเซียมในร่างกาย, โรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ, ภาวะ ขาดไทรอยด์ฮอร์โมน, มีความผิดปกติของระดับน้ำตาลในเลือด, มีการติดเชื้อในสมอง (สมอง อักเสบ) และ/หรือที่เยื่อหุ้มสมอง (เยื่อหุ้มสมองอักเสบ), มีการบาดเจ็บที่ศีรษะ, หรือใช้สารเสพ ติด หรือไข้สูงในเด็ก (ไข้ชัก) เป็นต้น
ยากันชักมีกี่ประเภท?
ประเภทของยากันชักได้แก่
- ยากันชักกลุ่มมาตรฐาน (Standard antiepileptic drug) เป็นยาที่ใช้คุมอาการ ชักได้ดี มีการใช้มานาน แต่มีโอกาสเกิดอาการไม่พึงประสงค์/ผลข้างเคียงจากยาและมีปฏิกิริยา ระหว่างยาสูง การปรับขนาดยาของแพทย์สำหรับผู้ป่วยแต่ละคนค่อนข้างยาก
ยากลุ่มนี้เช่น
- เฟนิโทอิน (Phenytoin)
- ฟีโนบาร์บิทัล (Phenobarbital)
- ไพรมิโดน (Primidone)
- คาร์บามาซีปีน (Carbamazepine)
- อีโทซูซิไมด์ (Ethosuximide)
- วาลโปรเอท (Valproate) หรือ กรดวาลโปรอิก (Valproic acid)
- ยากันชักกลุ่มใหม่ (New antiepileptic drug) คือกลุ่มยาที่ผลิตเป็นรุ่นต่อมาจากรุ่น กลุ่มยามาตรฐาน โดยเป็นกลุ่มยาที่จะมีความปลอดภัยมากกว่ายากลุ่มมาตรฐาน เพราะมีอาการไม่พึงประสงค์จากยาและปฏิกิริยาระหว่างยาน้อยกว่า รวมถึงแพทย์สามารถปรับขนาดยาสำหรับ ผู้ป่วยแต่ละคนได้ง่าย แต่ข้อเสียคือยามีราคาค่อนข้างสูง
ยากลุ่มนี้เช่น
- ลาโมทริจีน (Lamotrigine)
- เฟลบาเมท (Felbamate)
- โทพิราเมท (Topiramate)
- กาบาเพนติน (Gabapentin)
- ไทอะกาบิน (Tiagabin)
- ไวกาบาทริน (Vigabatrin)
- อ็อกซ์คาบาซีปีน (Oxcarbazepine)
- ลีวีไทราซีแทม (Levetiracetam)
- ฟอสเฟนิโทอิน (Fosphenytoin)
ยากันชักมีรูปแบบจำหน่ายอย่างไร?
ยากันชักมีรูปแบบจำหน่ายเป็น
- ยาเม็ด
- ยาแคปซูล
- ยาเม็ดเคี้ยว (Chewable tablet)
- ยาน้ำเชื่อม
- ยาน้ำแขวนตะกอน
- ยาน้ำสารละลาย (Solution)
- ยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำ (Intravenous injection: IV)
- ยาฉีดเข้ากล้ามเนื้อ (Intramuscular injection: IM)
ยากันชักมีข้อบ่งใช้อย่างไร?
ข้อบ่งใช้ยากันชักได้แก่
- รักษาอาการชักแบบเหม่อลอย (Absence seizure)
- รักษาอาการชักแบบสะดุ้ง/กระตุก (Myoclonic), ชักแบบเนื้อตัวอ่อน (Atonic), ชักแบบ ชักเกร็ง (Tonic)
- รักษาอาการชักเกร็งกระตุกทั้งตัว (Generalized tonic - clonic seizure)
- รักษาอาการชักเฉพาะส่วน (Partial seizure)
- รักษาอาการชักในเด็กแรกเกิด (Neonatal seizure)
- รักษาอาการเกร็งในทารก (Infantile spasm)
มีข้อห้ามการใช้ยากันชักใช้อย่างไร?
ข้อห้ามการใช้ยากันชักได้แก่
- ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ยานั้นๆหรือแพ้ยาที่มีโครงสร้างคล้ายกันเช่น หากผู้ป่วยมีอาการ แพ้ยา Phenytoin ก็อาจมีอาการแพ้ยา Fosphenytoin ได้
- ห้ามใช้ยา Valproate และยา Phenytoin ในสตรีตั้งครรภ์เพราะยาทำให้เกิดความ ผิดปกติของตัวอ่อนในครรภ์ (Teratogenicity)
- ห้ามใช้ Valproate ในผู้ที่มีภาวะตับทำงานบกพร่อง (Hepatic impairment) หรือ เป็นโรคตับ (Hepatic disease)
- ห้ามใช้ Valproate ในผู้ที่มีภาวะบกพร่องในการสร้างสารยูเรีย (Urea cycle defects)
- ห้ามใช้ยา Carbamazepine ในผู้ที่มีภาวะไขกระดูกถูกกด/ทำงานต่ำ (Bone mar row depression) รวมทั้งห้ามใช้ Carbamazepine ร่วมกับยารักษาโรคซึมเศร้าในกลุ่มที่ยับยั้ง เอนไซม์โมโนเอมีนออกซิเดส (Monoamine oxidase inhibitors: MAOI)
- ห้ามใช้ยา Phenobarbital ในผู้ที่มีภาวะทางเดินหายใจอุดตัน (Airway obstruction)
มีข้อควรระวังการใช้ยากันชักอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยากันชักดังนี้เช่น
- ระหว่างที่ผู้ป่วยใช้ยา Phenytoin ผู้ป่วยควรได้รับการฉีดวิตามิน เค (Vitamin K) ร่วมด้วย เพราะยา Phenytoin ทำให้เกิดอาการขาด Vitamin K ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะเลือดออกได้ง่าย
- หากใช้ยากันชักต่อไปนี้คือ Phenytoin, Carbamazepine, Phenobarbital ซึ่งเป็นยาที่ทำให้ระดับของยาเม็ดคุมกำเนิดในร่างกายต่ำลง อาจส่งผลให้การคุมกำเนิดด้วยการใช้ฮอร์โมนวิธีต่างๆทั้งการรับประทานยาคุมกำเนิด การใช้ฮอร์โมนชนิดฉีด ฝังใต้ผิวหนัง และชนิดห่วงไม่ได้ผล ส่งผลให้ตั้งครรภ์ได้ ดังนั้นจึงควรต้องใช้ถุงยางอนามัยชายควบคู่ไปด้วยเสมอ
- ยากันชักเป็นยาที่มีปฏิกิริยาระหว่างยา (Drug interaction) กับยาอื่นหลายชนิดได้เช่น
- ยาที่ทำให้ระดับยากันชักในเลือดลดลงเช่น ยาสเตียรอยด์, ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียบางชนิด เช่น ไรแฟมพิซิน (Rifampicin) รวมทั้งการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์
- ยาที่ทำให้ระดับยากันชักในเลือดเพิ่มขึ้นเช่น ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียบางชนิดเช่น อิริโทมัย ซิน (Erythromycin), ไอโซไนอะซิด (Isoniazid) หรือ ยากันเลือดแข็งตัวเช่น วอร์ฟาริน (Warfarin) เป็นต้น
*****อนึ่ง: ที่สำคัญ ผู้ป่วยควรใช้ยากันชักอย่างเคร่งครัดตามแพทย์สั่ง ไม่ควรเพิ่มขนาดยา ลด ขนาดยา หรือหยุดยาเอง โดยไม่มีคำสั่งจากแพทย์ การหยุดยาทันทีอาจทำให้เกิดอาการชักรุนแรงได้
การใช้ยากันชักในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรเป็นอย่างไร?
การตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะยากันชักหลายชนิดมีผลทำให้เกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์ (Teratogenicity) ดังนั้นควรเลือกใช้ยากันชักที่ปลอดภัยต่อทารกในครรภ์ เช่น Carbamazepine หรือ Lamotrigine ควรใช้ยากันชักเพียงตัวเดียวในขนาดที่ต่ำที่สุด ไม่แนะนำให้เปลี่ยนยา, หยุดยาหรือลดขนาดยากันชัก เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้
นอกจากนี้ผู้ป่วยที่ตั้งครรภ์ควรรับประทานยากรดโฟลิก (Folic acid) เสริมเพื่อป้องกันการเกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์เช่นกัน
ผู้ป่วยที่ใช้ยากันชักต่อไปนี้คือ Carbamazepine, Phenytoin, Valproate, Lamotrigine สามารถให้นมบุตรได้ แต่ควรระวังการใช้ยา Phenobarbital ซึ่งเป็นยาที่ผ่านทางน้ำนมได้ ยาจะทำให้เด็กหลับนานเกินไป ดังนั้นหากใช้ยานี้ควรให้นมแม่สลับกับการใช้นมชนิดอื่นแทน
การใช้ยากันชักในผู้สูงอายุควรเป็นอย่างไร?
ผู้สูงอายุจะมีการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย มีโรคประจำตัว และมักต้องใช้ยาหลายชนิด จึงส่งผลให้ผู้ป่วยสูงอายุมักเกิดอาการไม่พึงประสงค์/ผลข้างเคียงจากการใช้ยาได้ง่าย ดังนั้นควรระมัดระวังการใช้ยากันชักในผู้สูงอายุรวมทั้ง
- หลีกเลี่ยงการใช้ยากันชักที่ขับออกทางตับเป็นหลักเช่น Phenytoin, Carbamazepine, Phenobarbital และ Valproate ในผู้ป่วยที่มีการทำงานของตับผิดปกติ
- หลีกเลี่ยงการใช้ยากันชักที่ขับออกทางไตเป็นหลักเช่น Gabapentin, Pregabalin, Levetiracetam และ Topiramate ในผู้ป่วยที่มีการทำงานของไตผิดปกติ
- หลีกเลี่ยงการใช้ยากันชักที่มีผลต่อข้างเคียงต่อสมองเช่น Phenobarbital และ Topira mate เพราะจะยิ่งทำให้ผู้ป่วยสูงอายุมีอาการสับสน ซึม หรือหลงลืมมากยิ่งขึ้น
- ระวังการใช้ยากันชักกลุ่มที่จับกับ*สารอัลบูมินในเลือดได้มากเช่น Phenytoin, Carbama zepine และ Valproate เพราะหากผู้ป่วยสูงอายุมีโรคประจำตัวบางอย่างที่อาจส่งผลให้ระดับอัลบูมินในเลือดต่ำลงกว่าปกติมาก จะทำให้มียาอยู่ในร่างกายมากเกินไปจนอาจเกิดพิษจากยาได้ *อัลบูมิน (Albumin) คือโปรตีนชนิดหนึ่งในเเลือด
- ระวังการใช้ยากันชักที่ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้สูงอายุเช่น Valproate, Carbamazepine และ Gabapentin
- ผู้ป่วยสูงอายุที่ได้รับยา Phenytoin, Carbamazepine และ Phenobarbital ควรได้รับแคลเซียมหรือวิตามินดีเสริมด้วยเพื่อป้องกันโรคกระดูกพรุน
การใช้ยากันชักในเด็กควรเป็นอย่างไร?
เด็กยังมีการเจริญเติบโตของร่างกายไม่สมบูรณ์ ขนาดและวิธีการใช้ยากันชักจึงแตกต่างกับผู้ใหญ่ ในผู้ป่วยเด็กเองยังแบ่งการใช้ยาออกได้ในหลายช่วงอายุ คือผู้ป่วยแรกคลอด/เด็กแรกเกิด (ทั้งคลอดก่อนกำหนดและคลอดครบกำหนด), ผู้ป่วยเด็กทารก (อายุ 1 - 12 เดือน), ผู้ ป่วยเด็กเล็ก (อายุน้อยกว่า 6 ปีโดยเฉพาะที่น้อยกว่า 2 ปี) และผู้ป่วยเด็กโต
ในเด็กที่มีไข้สูงอาจมีอาการชักได้เช่นกัน ดังนั้นหากผู้ปกครองพบว่าเด็กมีไข้สูงควรลดไข้โดยใช้ยาพาราเซตามอล (Paracetamol) ร่วมกับการเช็ดตัว (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor. com บทความเรื่อง วิธีเช็ดตัวเด็กลดไข้ และเรื่อง การเช็ดตัวลดไข้) หากเด็กมีอาการชักนานเกิน 5 นาทีควรรีบนำเด็กส่งโรงพยาบาลซึ่งแพทย์อาจรักษาโดยให้ยาไดอะซีแพม (Diazepam ) ทางหลอดเลือดดำหรือทางทวารหนักเพื่อระงับอาการชัก
มีอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยากันชักอย่างไร?
ขอยกตัวอย่างอาการไม่พึงประสงค์ (ผลข้างเคียง) ที่อาจพบได้ของยากันชักที่ใช้บ่อย ดังนี้
- Carbamazepine: คลื่นไส้ ซึม เดินเซ เห็นภาพซ้อน น้ำหนักตัวเพิ่ม เม็ดเลือดขาวต่ำ ภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ (Hyponatremia: อาการเช่น อ่อนเพลียมาก ซึม ชัก)
- Gabapentin: ง่วงนอน ซึม เวียนศีรษะ น้ำหนักตัวเพิ่ม
- Lamotrigine: มึนงง เห็นภาพซ้อน เดินเซ
- Levetiracetam: ซึม มึนงง
- Oxcarbazepine: มึนงง ง่วงซึม เดินเซ ภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ
- Phenobarbital: ในผู้ใหญ่จะทำให้ง่วงซึม อ่อนเพลีย เครียด บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง ส่วนในเด็กยาจะส่งผลต่อไอคิว (IQ: Intelligence quotient) ของเด็กได้ โดยจะทำให้เด็กซุกซนมากกว่าปกติ อยู่ไม่สุข ก้าวร้าว พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง
- Phenytoin: ตากระตุก (Nystagmus) วิงเวียนเหมือนบ้านหมุน (Vertigo) เห็นภาพซ้อน (Diplopia) ซึม เดินเซ (Ataxia) คลื่นไส้ อาเจียน และ เหงือกบวม (Gingival hyperpla sia) ขนดก กระดูกบาง น้ำตาลในเลือดสูง
- Valproate: มือสั่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ผมร่วง น้ำหนักตัวเพิ่ม ตับอักเสบ ตับอ่อนอักเสบ
- Topiramate: มึนงง เดินเซ ความคิดช้า การพูดผิดปกติเช่น ทำให้คนไข้นึกคำไม่ออกหรือใช้ คำผิดพลาด น้ำหนักลด นิ่วในไต ต้อหิน (Glaucoma) เหงื่อออกน้อย (Ahydrosis)
*****อนึ่ง: อาการไม่พึงประสงค์ที่ต้องระวังอย่างมากคือ ผื่นแพ้ยารุนแรง (Stevens-Johnson syndrome) จากการใช้ยา Carbamazepine, Oxcarbazepine, Phenobarbital, Phenytoin, และ Lamotrigine โดยเฉพาะคนที่เกิดผื่นคัน (Rash) ได้ง่ายอยู่แล้วจะยิ่งมีโอกาสเกิดผื่นแพ้ยารุนแรง ได้ง่ายยิ่งขึ้น
ข้อควรจำ
ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด(รวมยากันชักด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิดและสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกชนิดควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวม ทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน
บรรณานุกรม- วีรศักดิ์ เมืองไพศาล. การใช้ยากันชักในผู้สูงอายุ. สงขลานครินทร์เวชสาร 23 (กรกฎาคม – สิงหาคม) : 267-277.
- สถาบันประสาทวิทยา. แนวทางการรักษาโรคลมชัก สำหรับแพทย์ (Clinical Practice Guidelines for epilepsy)
- [2015,May16]
- Lacy C.F., et al. Drug information handbook with international trade names index. 19th ed. Ohio : Lexi-comp, 2011.