มะเร็งปอด (Lung cancer) อาการ สาเหตุ การรักษาโรคมะเร็งปอด 12 วิธี

มะเร็งปอด

มะเร็งปอด (Lung cancer) คือ โรคที่เซลล์ของเนื้อปอดมีการแบ่งตัวมากผิดปกติอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้เกิดเป็นกลุ่มก้อนของเซลล์ที่ผิดปกติ ซึ่งจะตรวจพบได้เมื่อมีขนาดใหญ่ มีจำนวนมาก และแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ ของร่างกายแล้ว ผู้ป่วยที่มาพบแพทย์ส่วนใหญ่จะมีอาการในระยะที่โรคลุกลามไปมากแล้ว (การตรวจพบในระยะแรกนั้นทำได้ยากเพราะผู้ป่วยมักไม่มีอาการแสดง) อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะตรวจพบครั้งแรกในระยะใดก็มีหนทางในการดูแลรักษาและส่งผลให้ผู้ป่วยมีชีวิตที่ยืนยาวหรือมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ แต่ถ้าโชคดีตรวจพบได้ตั้งแต่ในระยะแรกก็สามารถรักษาโรคนี้ให้หายได้ด้วยการผ่าตัด

มะเร็งปอดเป็นโรคมะเร็งที่พบได้บ่อยมากทั้งในคนไทยและทั่วโลก โดยพบได้มากเป็นอันดับที่ 2 ของมะเร็งในผู้ชาย และเป็นอันดับที่ 4 ของมะเร็งในผู้หญิง จัดเป็นโรคของผู้ใหญ่ที่มีความรุนแรงสูงมาก เพราะเป็นสาเหตุการเสียชีวิตเป็นอันดับ 1 ของโรคมะเร็งทั้งหมด โดยทั่วไปมักพบโรคนี้ได้สูงตั้งแต่อายุ 35 ปีขึ้นไป ซึ่งจะพบได้มากในช่วงอายุประมาณ 50-75 ปี และพบได้ในผู้ชายบ่อยกว่าผู้หญิงประมาณ 2-3 เท่า ในปัจจุบันพบผู้ป่วยใหม่เป็นโรคมะเร็งปอดสูงถึงประมาณปีละ 1.1 ล้านคน (ในการนี้จะเสียชีวิต 0.94 ล้านราย โดยแบ่งเป็นผู้ชาย 0.51 ล้านราย และผู้หญิง 0.43 ล้านราย) ส่วนในประเทศไทยในช่วงปี พ.ศ.2544-2546 พบโรคนี้ได้ในผู้ชาย 24.9 รายต่อประชากรชาย 100,000 คน และในผู้หญิง 9.7 รายต่อประชากรหญิง 100,000 ราย

ชนิดของมะเร็งปอด

มะเร็งปอดมีอยู่หลายชนิด แต่ชนิดที่พบได้บ่อย ๆ จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ

  1. มะเร็งปอดชนิดไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็ก (Non-small cell lung cancer – NSCLC) เป็นชนิดที่พบได้บ่อยกว่าชนิดเซลล์ขนาดเล็ก (พบได้ประมาณ 75-80% ของมะเร็งปอดทั้งหมด) แต่แพร่กระจายได้ช้ากว่า มักลุกลามอยู่ในปอดและเนื้อเยื่อข้างเคียงก่อน ต่อจากนั้นจึงลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองที่ขั้วปอดและในช่องอก แล้วจึงแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือด มะเร็งปอดชนิดนี้แบ่งออกได้เป็น 3 ชนิดย่อย คือ
    • ชนิดสะความัสเซลล์ (Squamous cell carcinoma) เซลล์ชนิดนี้จะพบได้ที่เยื่อบุผิวของหลอดลม โดยพบได้มากในผู้ชายและผู้สูงอายุ (ทั้งชายและหญิง) มีความเกี่ยวข้องอย่างมากกับการสูบบุหรี่ มักมีจุดเริ่มต้นที่ท่อทางเดินหายใจขนาดใหญ่ จึงทำให้ผู้ป่วยมีอาการไอเรื้อรัง อาจไอเป็นเลือด หรือมีอาการปอดบวมได้ เพราะก้อนมะเร็งไปอุดท่อของหลอดลมจนทำให้ไม่สามารถไอเอาเสมหะออกมาได้ เป็นมะเร็งชนิดที่พบได้ประมาณ 40-45% ของมะเร็งปอดทั้งหมด
    • ชนิดเซลล์ขนาดใหญ่ (Large cell carcinoma) เซลล์ชนิดนี้จะพบได้ที่ผิวนอกของเนื้อปอด มักจะเป็นที่บริเวณขอบริม ๆ แพร่กระจายได้เร็วมากจนการตรวจวินิจฉัยทำได้ไม่ทันกับการเจริญของโรค เป็นมะเร็งชนิดที่พบได้ประมาณ 5-10% ของมะเร็งปอดทั้งหมด
    • ชนิดอะดีโน (Adenocarcinoma) เซลล์มะเร็งชนิดนี้จะพบได้ที่ต่อมสร้างน้ำเมือกของปอด เป็นมะเร็งชนิดที่พบได้บ่อยประมาณ 25-30% ของมะเร็งปอดทั้งหมด พบได้บ่อยในผู้หญิงและในผู้ที่ไม่สูบบุหรี่
  2. มะเร็งปอดชนิดเซลล์ขนาดเล็ก (Small cell lung cancer – SCLC) เป็นชนิดที่พบได้น้อยกว่าชนิดแรก (พบได้ประมาณ 15-20% ของมะเร็งปอดทั้งหมด) แต่มีความรุนแรงมากกว่าและแพร่กระจายได้เร็วกว่า เมื่อตรวจพบโรคมักลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองและแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือดแล้ว จึงทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว การรักษาแพทย์มักจะไม่ใช้วิธีการผ่าตัด แต่จะรักษาด้วยการให้ยาเคมีบำบัดและ/หรือรังสีรักษาเป็นหลัก
  3. มะเร็งปอดชนิดอื่น ๆ (พบได้ไม่บ่อย โดยพบรวมกันไม่เกิน 5% ของมะเร็งปอดทั้งหมด) ได้แก่ Carcinoid Tumor (พบได้น้อยประมาณ 1-5% ของมะเร็งปอดทั้งหมด), Malignant mesothelioma (แร่ใยหินเป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งชนิดนี้ พบมากในผู้สูงอายุ มักเกิดที่เยื่อหุ้มปอดด้านใน จึงทำให้ยากต่อการตรวจวินิจฉัย) ฯลฯ
ชนิดของมะเร็งปอด
IMAGE SOURCE : www.lungevity.org

สาเหตุของมะเร็งปอด

ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดโรคมะเร็งปอด แต่พบว่ามีปัจจัยเสี่ยงบางประการที่อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งปอด ได้แก่

หมายเหตุ : ปัจจัยเสี่ยง หมายถึง การมีโอกาสเกิดมะเร็งเพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่า การมีปัจจัยเสี่ยงหรือมีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างจะต้องกลายเป็นโรคมะเร็งเสมอไป หรือการที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงใด ๆ เลยก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีทางเป็นโรคมะเร็ง

รูปมะเร็งปอด
IMAGE SOURCE : en.wikipedia.org (by Lipothymia); ตัวอย่างภาพตัดขวางของปอดมนุษย์ สีขาวคือมะเร็ง ส่วนสีดำเกิดจากการสูบบุหรี่
มะเร็งปอดอาการ
IMAGE SOURCE : en.wikipedia.org (by Emmanuelm); ตัวอย่างเซลล์มะเร็งปอดชนิดสะความัสเซลล์ (Squamous cell carcinoma) ที่อยู่ใกล้หลอดลมใหญ่

อาการของมะเร็งปอด

ผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะแรกส่วนใหญ่มักจะไม่มีอาการแสดงใด ๆ จนกว่าโรคจะลุกลามไปมากแล้ว (มีผู้ป่วยประมาณ 10-15% เท่านั้นที่ตรวจพบมะเร็งปอดตั้งแต่ระยะแรก ซึ่งแพทย์มักตรวจพบได้โดยบังเอิญจากการตรวจเอกซเรย์ทรวงอกจากการตรวจร่างกายประจำปี ผู้ป่วยกลุ่มนี้จึงมีโอกาสที่จะหายขาดจากโรคได้สูง) โดยอาการและอาการแสดงต่าง ๆ ของมะเร็งปอดมีดังต่อไปนี้ คือ

อย่างไรก็ตาม อาการเหล่านี้อาจไม่เกี่ยวเนื่องกับมะเร็งก็ได้ เนื่องจากมีหลายโรคที่อาจทำให้เกิดอาการเหล่านี้ได้ หากมีอาการดังกล่าวควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรับการรักษาโดยเร็วจะดีที่สุด

อาการมะเร็งปอด
IMAGE SOURCE : www.medindia.net

ระยะของมะเร็งปอด

การวินิจฉัยมะเร็งปอด

เมื่อได้รับการตรวจวินิจฉัยว่า เป็นโรคมะเร็งปอดชัดเจนแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งหรือระยะของโรคมะเร็ง ได้แก่ การตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI), การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan), การตรวจเพทสแกน (PET scan), การสแกนกระดูก (Bone scan), การตรวจสมรรถภาพปอด (PFT), การส่องกล้องที่ติดอัลตราซาวนด์ (EUS), การตรวจช่องกลางอกโดยการส่องกล้อง (Mediastinoscopy), การทำ Anterior mediastinotomy, การตัดต่อมน้ำเหลืองนำไปตรวจชิ้นเนื้อ (Lymph node biopsy), การเจาะไขกระดูกเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา (Bone marrow aspiration and biopsy) เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อนำไปใช้ในการวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับสภาวะของโรค

วิธีรักษามะเร็งปอด

วิธีการรักษามะเร็งปอดชนิดไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็ก (Non-small cell lung cancer) ในระยะแรกที่โรคยังไม่ลุกลามหรือยังไม่แพร่กระจาย การรักษาหลักจะเป็นการผ่าตัด และแพทย์อาจพิจารณาให้การรักษาด้วยยาเคมีบำบัด ยารักษาตรงเป้า และรังสีรักษาเป็นการรักษาเสริมตามข้อบ่งชี้ ซึ่งจะช่วยให้หายขาดได้

แต่ในกรณีที่โรคลุกลามไปมากขึ้น (เสี่ยงต่อการกลับมาเป็นซ้ำหรือมีการแพร่กระจาย) แพทย์อาจเปลี่ยนการรักษาหลักไปเป็นการให้ยาเคมีบำบัดร่วมกับรังสีรักษา และอาจพิจารณาให้การรักษาด้วยยารักษาตรงเป้าตามข้อบ่งชี้ ซึ่งทั้งหมดนี้แพทย์จะพิจารณาจากตำแหน่ง ขนาด และระยะของโรค ชนิดของเซลล์มะเร็ง อายุและสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย (ทั้งทางร่างกายและจิตใจ) และความต้องการของผู้ป่วยและครอบครัวเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีวิธีการรักษาใดที่จะรับรองได้ว่าจะได้ผลดีสำหรับผู้ป่วยทุกราย เพราะมะเร็งปอดในผู้ป่วยแต่ละรายจะมีความแตกต่างกัน นอกจากนั้น เซลล์มะเร็งแต่ละชนิดเองก็มีความไวในการตอบสนองต่อการรักษาที่แตกต่างกันด้วย ทำให้ในปัจจุบันแพทย์จึงมักใช้หลายวิธีร่วมกันเพื่อครอบคลุมโอกาสที่น่าจะเป็นไปได้ทั้งหมด สำหรับวิธีการรักษามะเร็งปอดชนิดนี้ ได้แก่

  1. การผ่าตัด (Surgery) มีเป้าหมายเพื่อเอาก้อนมะเร็งที่ปอดออกให้หมด ซึ่งบางครั้งก้อนเนื้อนั้นอาจไม่ใช่เซลล์มะเร็งทั้งหมดก็ได้ โดยขนาดของปอดที่ตัดออกจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งและขนาดของมะเร็ง และสมรรถภาพของปอดที่เหลือไว้ (จึงมักทำในรายที่ยังมีหวังว่าจะตัดมะเร็งออกได้หมดและปอดที่เหลืออยู่ยังเพียงพอต่อการหายใจ และโดยทั่วไปมักจะไม่ใช้กับมะเร็งปอดชนิดเซลล์ขนาดเล็ก ซึ่งมักมีการแพร่กระจายตัวของเซลล์มะเร็งได้เร็ว) ซึ่งการผ่าตัดจะมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี ได้แก่
    • การผ่าตัดปอดเป็นรูปลิ่ม (Wedge resection) เป็นการผ่าตัดเพื่อนำเอาก้อนมะเร็งและเนื้อเยื่อปกติรอบ ๆ ออก
    • การผ่าตัดปอดแค่กลีบย่อย (Segmental resection)
    • การผ่าตัดปอดออกทั้งกลีบ (Lobectomy) เป็นการผ่าตัดกลีบปอดออกทั้งกลีบ
    • การผ่าตัดปอดออกทั้งข้าง (Pneumonectomy)
    • การผ่าตัดส่วนของหลอดลมออก (Sleeve resection)
      การรักษามะเร็งปอด
      IMAGE SOURCE : www.cancer.gov
  2. การใช้รังสีรักษา (Radiation therapy) เป็นการรักษามะเร็งโดยใช้รังสีเอกซ์พลังงานสูงหรือรังสีชนิดอื่นเพื่อทำลายหรือหยุดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งโดยตรง มักใช้ในผู้ป่วยมะเร็งปอดที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ หรือในรายที่ผ่าตัดแล้วแต่มะเร็งยังออกไม่หมด หรือคาดว่ามะเร็งจะงอกขึ้นมาอีก โดยการฉายรังสีจะแบ่งออกเป็น
    • การฉายรังสีจากภายนอก (External radiation therapy) โดยใช้เครื่องส่งรังสีจากภายนอกร่างกาย
    • การฉายรังสีจากภายใน (Internal radiation therapy) โดยการใช้สารรังสีวางไว้ใกล้กับตัวก้อนมะเร็ง
  3. การให้ยาเคมีบำบัด (Chemotherapy) เป็นการใช้ยาเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งหรือยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง ในปัจจุบันแพทย์นิยมใช้ยาหลายตัวสลับกันเป็นระยะ เพราะได้ผลดีกว่าการใช้ยาเพียงตัวเดียว ส่วนผลการรักษามักจะออกมาดีในผู้ป่วยที่มีสภาพร่างกายสมบูรณ์และมีมะเร็งในร่างกายน้อย หลังจากที่กินยาหรือฉีดยาเคมีบำบัดเข้าทางหลอดเลือดดำหรือกล้ามเนื้อแล้ว ตัวยาจะถูกดูดซึมเข้าทางกระแสเลือดและจับกับเซลล์มะเร็งที่อยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งเรียกว่า “Systemic chemotherapy” แต่ในบางกรณีแพทย์อาจฉีดยาเคมีบำบัดเข้าทางช่องไขสันหลัง ในอวัยวะ หรือในช่องท้องเพื่อหวังผลในการทำลายเซลล์มะเร็งเฉพาะที่ ซึ่งเรียกว่า “Regional chemotherapy
  4. การให้ยารักษาตรงเป้า (Targeted therapy) เป็นการรักษาโดยการใช้ยาหรือสารอื่น ๆ ที่ออกฤทธิ์เฉพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็งและก่อให้เกิดอันตรายต่อเซลล์ปกติน้อยกว่ายาเคมีบำบัดหรือรังสีรักษา แต่ยานี้ค่อนข้างจะมีราคาแพงเกินกว่าที่ผู้ป่วยทั่วไปจะเข้าถึงได้ โดยยาที่ใช้รักษาจะมีอยู่ด้วยกัน 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ ยาในกลุ่มโมโนโคลนอล แอนติบอดี (Monoclonal antibody) และยาในกลุ่มยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซีนไคเนส (Thyrosine kinase inhibitor)
  5. การรักษาด้วยเลเซอร์ (Laser therapy) เป็นการใช้แสงเลเซอร์ที่มีลำแสงแคบ (Laser beam) เพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง
  6. การใช้แสงเลเซอร์ร่วมกับยา (Photodynamic therapy – PDT) การรักษานี้เป็นการตอบสนองทางเคมี โดยจะเป็นการใช้แสงเลเซอร์กระตุ้นปฏิกิริยาแบบหนึ่ง โดยฉีดสารไวแสงทางหลอดเลือดดำ ซึ่งก้อนมะเร็งจะดูดซับสารไวแสงนี้ไว้ในปริมาณมาก (แต่เนื้อเยื่อปกติจะดูดซับไว้เพียงเล็กน้อย) เมื่อฉายแสงเลเซอร์พิเศษไปที่มะเร็ง เซลล์มะเร็งก็จะถูกทำลายและตายไป
  7. การจี้ด้วยความเย็น (Cryosurgery) เป็นการใช้อุปกรณ์จี้ด้วยความเย็นและทำลายเนื้อเยื่อที่ผิดปกติ เช่น ในโรคระยะที่ 0 (Carcinoma in situ)
  8. การจี้ด้วยไฟฟ้า (Electrocautery) เป็นการใช้โพรบ (Probe) หรือเข็มร้อนที่ส่งผ่านด้วยกระแสไฟฟ้าเพื่อทำลายเนื้อเยื่อที่ผิดปกติ
  9. การรักษาแบบเฝ้าระวังเชิงรับ (Watchful waiting) เป็นการเฝ้าติดตามผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดไปเรื่อย ๆ โดยไม่ต้องให้การรักษา จนกว่าผู้ป่วยจะแสดงอาการของมะเร็งออกมา
  10. การรักษารูปแบบใหม่ที่ยังอยู่ในระหว่างการศึกษาทดลอง คือ การป้องกันมะเร็งโดยการใช้ยาเคมีป้องกัน (Chemoprevention) เป็นการใช้ยา วิตามิน หรือสารอื่น ๆ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งหรือเพื่อลดความเสี่ยงต่อการกลับมาเป็นซ้ำของมะเร็งปอด และการใช้สารเพิ่มผลของรังสีรักษา (Radiosensitizers) ซึ่งเป็นการให้สารหรือยาที่เพิ่มผลหรือเพิ่มประสิทธิภาพของรังสีรักษาในการทำลายเซลล์มะเร็ง
  11. การรักษาประคับประคอง (Palliative care) เป็นการรักษาที่จะเน้นเรื่องการบรรเทาอาการและเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเป็นหลักในระยะที่โรคแพร่กระจายไปยังอวัยวะต่าง ๆ แล้ว หรือตัวผู้ป่วยเองมีสภาพร่างกายทั่วไปไม่แข็งแรง มีความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงจากการรักษาได้ง่าย โดยแพทย์อาจให้การรักษาด้วยยาเคมีบำบัด การใช้รังสีรักษา การรักษาด้วยเลเซอร์ การให้ยาแก้ปวดเมื่อมีอาการปวดต่าง ๆ การให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำเมื่อผู้ป่วยกินอาหารทางปากได้น้อยหรือไม่ได้ เป็นต้น

วิธีการรักษามะเร็งปอดชนิดเซลล์ขนาดเล็ก (Small cell lung cancer) การรักษามะเร็งชนิดนี้โดยหลัก ๆ แล้วจะเป็นการให้ยาเคมีบำบัดเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งที่จุดเริ่มต้นและป้องกันไม่ให้เกิดแพร่กระจายไปยังบริเวณอื่น ๆ และ/หรือใช้รังสีรักษาเป็นการรักษาเสริมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมโรคเฉพาะที่ (เนื่องจากมะเร็งชนิดนี้ตอบสนองได้ดีต่อยาเคมีบำบัดและรังสีรักษา) โดยอาจให้พร้อมกันหรือพิจารณาให้ต่อเนื่องกันแต่ไม่พร้อมกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะของโรคและสภาพร่างกายของผู้ป่วย ดุลยพินิจของแพทย์และความยินยอมของผู้ป่วย สำหรับวิธีการรักษาหลักนั้นจะประกอบไปด้วย การให้ยาเคมีบำบัด, การใช้รังสีรักษา และการผ่าตัด (มักใช้ในรายที่มะเร็งอยู่ในปอด 1 ข้าง และต่อมน้ำเหลืองข้างเคียงเท่านั้น แต่ส่วนใหญ่มะเร็งชนิดนี้มักพบในปอดทั้ง 2 ข้าง การรักษาด้วยวิธีนี้จึงมีน้อย) ส่วนการรักษาเสริมจะเป็นการรักษาด้วยเลเซอร์ (Laser therapy) และการใส่ท่อหรือวัสดุถ่างขยาย (Stent placement) เพื่อเปิดทางเดินหายใจ

ปัจจัยที่มีผลต่อการรักษาและการพยากรณ์โรค

ปัจจัยที่มีผลต่อการรักษาและการพยากรณ์โรค (Prognosis) ของมะเร็งลำไส้ใหญ่จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างด้วยกัน ได้แก่

ผลการรักษามะเร็งปอด

สำหรับมะเร็งปอดชนิดไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็ก (Non-small cell lung cancer) โอกาสรักษาหายหรืออัตรารอดชีวิตที่ 5 ปีเมื่อโรคอยู่ในระยะที่ 1 มีประมาณ 47%, ระยะที่ 2 ประมาณ 26%, ระยะที่ 3 ประมาณ 8% และระยะที่ 4 ประมาณ 2% (ถ้าโรคลุกลามออกนอกปอดแล้ว ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะมีชีวิตอยู่ได้เพียงระยะหนึ่ง เฉลี่ยประมาณ 6-12 เดือน) ส่วนมะเร็งปอดชนิดเซลล์ขนาดเล็ก (Small cell lung cancer) การรักษามักได้ผลไม่ดี เพราะเป็นชนิดที่แพร่กระจายได้เร็ว และผู้ป่วยมักมีชีวิตอยู่ได้ในระยะสั้น ๆ หลังเป็นโรค โดยในระยะจำกัดผู้ป่วยจะมีชีวิตอยู่ได้ 2 ปี ประมาณ 20% และในระยะที่โรคแพร่กระจายไปแล้ว ผู้ป่วยจะมีชีวิตอยู่ได้ 2 ปี ประมาณ 5%

การดูแลตนเองของผู้ป่วยมะเร็งปอด

ผลข้างเคียงจากการรักษามะเร็งปอด

ผลข้างเคียงจากการรักษามะเร็งปอดแต่ละวิธีจะแตกต่างกันไป และผลข้างเคียงจะมีสูงขึ้นเมื่อใช้หลายวิธีรักษาร่วมกัน และ/หรือเมื่อผู้ป่วยเป็นผู้สูงอายุ สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และมีโรคประจำตัว (โดยเฉพาะโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง โรคภูมิต้านตนเอง)

วิธีป้องกันมะเร็งปอด

  1. วิธีป้องกันโรคมะเร็งปอดที่ดีที่สุด คือ การไม่สูบบุหรี่ (เลิกสูบบุหรี่) และหลีกเลี่ยงการสัมผัสควันบุหรี่ แร่ใยหิน ก๊าซเรดอน มลพิษต่าง ๆ และกินผักและผลไม้ให้มาก ๆ
  1. ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งปอดควรพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำในการลดปัจจัยเสี่ยงและวางแผนการตรวจสุขภาพ
  2. เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปอดที่มีประสิทธิภาพให้พบโรคได้ตั้งแต่ในระยะเริ่มแรกหรือระยะที่ยังไม่มีอาการ ซึ่งเมื่อตรวจพบโรคก็มักจะลุกลามไปมากแล้ว (เพราะในระยะที่ 1-2 มักเป็นระยะที่ผู้ป่วยยังไม่มีอาการ) แต่การตรวจบางอย่างอาจช่วยคัดกรองโรคมะเร็งปอดได้ เช่น การเอกซเรย์ทรวงอก, การตรวจเสมหะ (นำเสมหะมาส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์เพื่อหาเซลล์มะเร็ง) และการตรวจคัดกรองแบบใหม่ที่กำลังอยู่ในระหว่างการวิจัย คือ การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แบบใช้รังสีต่ำ (Low-dose helical computerized tomography) เป็นระยะ ๆ ซึ่งวิธีเหล่านี้มักทำในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคสูง แต่ก็ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัด เพราะการตรวจอาจให้ผลผิดพลาดและทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาได้ ซึ่งในภาพรวมแล้วจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงจากการตรวจโดยไม่จำเป็น อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการตรวจก็ยังสูงกว่าประโยชน์ที่จะได้รับ อย่างไรก็ตาม คุณก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ โดยอาจเริ่มตรวจตั้งแต่อายุได้ 18 ปี และแจ้งให้แพทย์ทราบถึงเรื่องการสูบบุหรี่และ/หรือการได้รับควันบุหรี่ด้วย นอกจากนั้นคือ การรีบไปพบแพทย์เมื่อมีอาการดังที่กล่าวมา
    • แม้การตรวจทั้ง 3 วิธีดังกล่าวจะช่วยให้ค้นพบมะเร็งปอดระยะแรกได้มากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับการตรวจคัดกรอง แต่การตรวจพบมะเร็งปอดระยะแรกด้วยวิธีดังกล่าวก็ยังไม่สามารถช่วยให้กลุ่มที่ได้รับการตรวจคัดกรองมีอายุยืนยาวกว่ากลุ่มผู้ที่ไม่ได้ตรวจคัดกรอง เพราะการตรวจคัดกรองบางอย่างไม่ได้มีแต่ประโยชน์ แต่มีความเสี่ยงด้วย ผู้รับการตรวจจึงควรได้ทราบถึงความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายของการตรวจแต่ละวิธีข้างต้นจากแพทย์ประจำตัวก่อนเสมอ ก่อนที่จะตรวจคัดกรองมะเร็งปอดแบบต่าง ๆ
    • ความเสี่ยงของการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดที่พบได้ คือ การตรวจที่ให้ผลปกติ ทั้ง ๆ ที่อาจเป็นมะเร็งปอด จึงทำให้ผู้ป่วยรายนั้นไปพบแพทย์เพื่อเริ่มการรักษาล่าช้า หรือการตรวจให้ผลผิดปกติ ทั้งที่จริงๆ แล้วไม่ได้เป็นมะเร็งปอด จึงทำให้ผู้ตรวจเกิดความกังวลและต้องทำการตรวจอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น การตัดเอาชิ้นเนื้อไปตรวจ ซึ่งการตัดชิ้นเนื้อจะมีความเสี่ยงทำให้ปอดแฟบได้ และอาจต้องแก้ไขด้วยการผ่าตัดในภายหลัง หรือการเอกซเรย์ที่ทำให้ทรวงอกได้รับรังสีก็อาจทำให้เป็นมะเร็งบางชนิดได้ เช่น มะเร็งเต้านม แต่ก็พบได้น้อยมาก เป็นต้น
    • นอกจากนี้ การตรวจพบว่าเป็นมะเร็งปอดบางครั้งก็ไม่ช่วยให้สุขภาพของผู้ป่วยดีขึ้นหรือมีอายุยืนยาวมากขึ้นได้ โดยเฉพาะเมื่อตรวจพบมะเร็งปอดในระยะสุดท้ายหรือระยะที่แพร่กระจายไปส่วนอื่นแล้ว เพราะเราก็ไม่สามารถบอกได้ว่า การตรวจและรักษาจะทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตยืนยาวขึ้นหรือสั้นลง เนื่องจากการรักษามะเร็งมักมีผลข้างเคียงเสมอ
  3. ผู้ที่เคยได้รับการรักษามะเร็งปอดมาแล้ว ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพภายหลังการรักษาด้วย เนื่องจากอาจมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้อีก
เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 2.  “มะเร็งปอด (Lung cancer)”.  (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).  หน้า 1163-1164.
  2. National Cancer Institute.  “Lung cancer”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.cancer.gov.  [28 มี.ค. 2017].
  3. สาขารังสีรักษาและมะเร็งวิทยา ฝ่ายรังสีวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์.  “มะเร็งปอด”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.chulacancer.net.  [29 มี.ค. 2017].
  4. หาหมอดอทคอม.  “มะเร็งปอด (Lung cancer)”.  (ศ.เกียรติคุณ พญ.พวงทอง ไกรพิบูลย์).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : haamor.com.  [30 มี.ค. 2017].
  5. โรงพยาบาลวัฒโนสถ.  “โรคมะเร็งปอด”.  (นพ.ชนวัธน์ เทศะวิบุล).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.bangkokhospital.com/wattanosoth/.  [31 มี.ค. 2017].
  6. โรงพยาบาลกรุงเทพ.  “การตรวจหามะเร็งปอดในระยะเริ่มต้น”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.bangkokhospital.com.  [01 เม.ย. 2017].
  7. สาขามะเร็งวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล.  “ทำความรู้จักกับโรคมะเร็งปอด”.  (นพ.ธัญนันท์ เรืองเวทย์วัฒนา).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : med.mahidol.ac.th/cancer_center/.  [01 เม.ย. 2017].

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ()

  • 1 มะเร็งปอด
  • 2 ชนิดของมะเร็งปอด
  • 3 สาเหตุของมะเร็งปอด
  • 4 อาการของมะเร็งปอด
  • 5 ระยะของมะเร็งปอด
  • 6 การวินิจฉัยมะเร็งปอด
  • 7 วิธีรักษามะเร็งปอด
  • 8 ปัจจัยที่มีผลต่อการรักษาและการพยากรณ์โรค
  • 9 ผลการรักษามะเร็งปอด
  • 10 การดูแลตนเองของผู้ป่วยมะเร็งปอด
  • 11 ผลข้างเคียงจากการรักษามะเร็งปอด
  • 12 วิธีป้องกันมะเร็งปอด
  • 13 เอกสารอ้างอิง
เรื่องที่น่าสนใจ