มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (ตอนที่ 7 และตอนจบ)

29 กรกฎาคม 2015

ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ได้แก่

• การได้รับสารเคมีบางชนิดที่ใช้ในอุตสาหกรรม รวมถึงยาฆ่าแมลงและยากำจัดวัชพืช
• การได้รับอุบัติเหตุนิวเคลียร์ การทดสอบนิวเคลียร์ หรือรังสีใต้ดินรั่ว
• ยากดภูมิคุ้มกันที่ใช้กับผู้ปลูกถ่ายอวัยวะ รักษาอาการอักเสบและความผิดปกติของภูมิคุ้มกัน
• สารที่ใช้ในการรักษาโรคสะเก็ดเงิน โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง
• เคยได้รับการรักษาโรคมะเร็งด้วยเคมีบำบัด และ/หรือรังสีบำบัด
• ยาแก้ชัก (Dilantin)
• การใช้ยาย้อมผม โดยเฉพาะยาย้อมผมสีถาวร
• การดื่มน้ำที่มีระดับไนเตรทสูง
• การกินอาหารที่มีไขมันและเนื้อสัตว์สูง
• การสัมผัสกับแสงอุตราไวโอเลต
• การดื่มแอลกอฮอล์

เช่นเดียวกัน การรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กินขึ้นอยู่กับชนิด ระยะที่เป็น การแพร่กระจาย และสุขภาพโดยรวม โดยมีทางเลือกดังนี้

• การเฝ้าติดตามอาการ (Wait-and-see approach) หากเป็นชนิดที่มะเร็งมีการเจริญเติบโตค่อนข้างช้า
• เคมีบำบัด (Chemotherapy)
• รังสีบำบัด (Radiotherapy)
• การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ (Stem cell transplant)
• การใช้โมโนโคลนอลแอนติบอดี (Monoclonal antibody therapy) เป็นการใช้สารภูมิคุ้มกันต้านทานโรค ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีความจำเพาะต่อเซลล์มะเร็ง โดยใช้เป็นสารไปจับที่เซลล์มะเร็งเพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันทำลายได้ มักใช้ร่วมกับเคมีบำบัดเพื่อให้เกิดประสิทธิผลมากขึ้น

Rituximab เป็นสารภูมิคุ้มกันต้านทานโรคตัวหนึ่งที่ใช้รักษากับวิธีนี้ โดยให้สารทางหลอดเลือด ซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ คือ รู้สึกเหนื่อย คลื่นไส้ เป็นผื่นคัน มีอาการคล้ายเป็นไข้หวัด เช่น ปวดศีรษะ เป็นไข้ และหนาวสั่น

• การใช้ยาสเตียรอยด์ (Steroid medication) ในระยะสั้นร่วมกับการให้เคมีบำบัด เพราะจากผลการวิจัยพบว่า การให้ยาสเตียรอยด์พร้อมการทำเคมีบำบัดจะทำให้เกิดประสิทธิผลมากขึ้น อย่างไรก็ดี อาจมีผลข้างเคียงระยะสั้น คือ
  • ทำให้อยากอาหารมากขึ้น
  • มีอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย (Indigestion)
  • มีปัญหาเรื่องการนอน
  • รู้สึกปั่นป่วน กระวนกระวายใจ

และหากมีการใช้ยาสเตียรอยด์ในระยะยาว จะทำให้น้ำหนักเพิ่ม บวมตามมือ เท้า และหนังตา

แหล่งข้อมูล

1. Understanding Non-Hodgkin Lymphoma -- the Basics. [2015, July 26].
2. Treating non-Hodgkin lymphoma. [2015, July 28].