มะกล่ําตาหนู สรรพคุณและประโยชน์ของมะกล่ำตาหนู 20 ข้อ

มะกล่ำตาหนู

มะกล่ําตาหนู ชื่อสามัญ American pea, Buddhist rosary bean, Crab’s eye, Crab’s eye vine, Indian bead, Jequirity bean, Seminole bead, Prayer beads, Precatory bean, Rosary Pea, lucky bean, Weather plant, Wild licorice[1],[3],[8],[10]

มะกล่ำตาหนู ชื่อวิทยาศาสตร์ Abrus precatorius L. จัดอยู่ในวงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยถั่ว FABOIDEAE (PAPILIONOIDEAE หรือ PAPILIONACEAE)[1],[4],[7]

สมุนไพรมะกล่ำตาหนู มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า กล่ำตาไก่ กล่ำเครือ มะกล่ำแดง มะกล่ำเครือ มะแค้ก มะแค๊ก (เชียงใหม่), เกมกรอม (สุรินทร์), มะขามเถา ไม้ไฟ (ตรัง), กล่ำเครือ ก่ำเครือ กล่ำตาไก่ ก่ำตาไก่ ตากล่ำ มะกล่ําเครือ (ภาคเหนือ, ภาคอีสาน), หมากกล่ำตาแดง (ภาคอีสาน), ชะเอมเทศ ตากล่ำ มะกล่ำตาหนู (ภาคกลาง), เกรมกรอม (เขมร), โทวกำเช่า เซียงจือจี้ (จีนแต่จิ๋ว), เซียงซือจื่อ เซียงซัวโต้ว (จีนกลาง), มะกล่ำดำ ตาดำตาแดง เป็นต้น[1],[2],[3],[6]

ลักษณะของมะกล่ำตาหนู

ต้นมะกล่ำเครือ

ต้นมะกล่ำตาหนู

มะกล่ำเครือ

ใบมะกล่ำตาหนู

ดอกมะกล่ำตาหนู

ผลมะกล่ำตาหนู

มะกล่ําตาหนู

มะกล่ําเครือ

สรรพคุณของมะกล่ำตาหนู

  1. ใบมีรสหวานใช้ชงกับน้ำดื่มแทนน้ำชา จะช่วยแก้อาการร้อนในกระหายน้ำได้ (ใบ)[5],[6] ส่วนเถาและรากก็เป็นยาแก้ร้อนในกระหายน้ำเช่นกัน (เถาและราก)[2],[3],[5],[6]
  2. เถาและรากมีรสจืด ชุ่ม เป็นยาสุขุม ไม่มีพิษ เป็นยาขับพิษร้อน (เถาและราก)[5],[6]
  3. ใบใช้ต้มกับน้ำดื่มแก้อาการเจ็บคอ แก้หลอดลมอักเสบ แก้ไอ (ใบ)[1],[2],[3],[5] รากแก้เจ็บคอ ไอแห้ง (บ้างว่าใช้แก้เผื่อซางได้ด้วย)[9]) ด้วยการใช้รากแห้งประมาณ 10-15 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน (ราก)[5],[6] ส่วนเถาและรากแก้หลอดลมอักเสบ (เถาและราก)[1],[2],[3]
  4. รากมีรสเปรี้ยวขื่น เป็นยาแก้ไอ แก้หวัด แก้ไอแห้ง เสียงแห้ง กล่องเสียอักเสบ ตำรายาไทยจะใช้รากนำมาชงกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ไอและหวัด (ราก)[4],[6] ส่วนเถาและรากช่วยแก้ไอหวัด ไอแห้ง แก้คออักเสบ คอบวม คอเจ็บ แก้เสียงแห้ง ด้วยการใช้เถาและรากแห้งประมาณ 10-15 กรัมนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยา (เถาและราก)[1],[2],[3],[5]
  5. ช่วยแก้อาเจียน (เถาและราก)[2],[3],[6]
  6. เถาและรากนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้หืด (เถาและราก)[2],[3]
  7. ใบนำมาต้มกับน้ำดื่มจะช่วยกระตุ้นน้ำลาย (ใบ)[1],[2],[3]
  8. ช่วยขับเสมหะ กัดเสมหะ (ราก, เถาและราก)[2],[3],[4],[5]
  9. ช่วยแก้สะอึก (ราก)[9]
  10. ช่วยหล่อลื่นปอด (เถาและราก)[1]
  1. รากใช้เป็นยาขับปัสสาวะ ด้วยการใช้รากแห้งประมาณ 10-15 กรัม นำมาต้มกับน้ำดื่ม (ราก, เถาและราก, ใบ)[1],[2],[3],[5]
  2. ช่วยแก้ตับอักเสบ (เถาและราก, ใบ)[1],[2],[3]
  3. ช่วยแก้ดีซ่าน (เถาและราก)[1],[2],[3]
  4. เมล็ดมะกล่ําตาหนูมีพิษ ใช้ได้เฉพาะเป็นยาทาภายนอก โดยจะมีรสเผ็ดเมาเบื่อ ให้ใช้เมล็ดแห้งนำมาบดให้ละเอียดผสมกับน้ำมันพืช น้ำ น้ำมันมะพร้าว หรือเกลือ ใช้พอกหรือทาแก้โรคผิวหนัง ฆ่าเชื้อบริเวณผิวหนัง กลากเกลื้อน หิด ฝีมีหนอง ฆ่าพยาธิผิวหนัง และแก้อาการบวมอักเสบได้ (เมล็ด)[1],[2],[3],[5]
  5. ใบใช้ตำพอกแก้ปวดบวม แก้อักเสบ หรือนำมาตำให้ละเอียดผสมกับน้ำผึ้งหรือน้ำมันพืชก่อนนำมาใช้พอก (ใบ)[1],[2],[3]
  6. ใบใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้อาการปวดบวมตามข้อ ปวดตามแนวประสาท (ใบ)[1],[2],[3]

หมายเหตุ : การใช้ตาม [6] ในส่วนของใบใช้ภายในให้นำใบสดประมาณ 20-30 กรัม มาต้มกับน้ำดื่ม[1],[6] ส่วนการใช้ตาม [5] ราก เถา ใบ ให้ใช้ยาแห้งครั้งละ 10-18 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน[5]

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของมะกล่ำตาหนู

ข้อควรระวังในการใช้สมุนไพรมะกล่ำตาหนู

อาการเป็นพิษจากเมล็ดมะกล่ำตาหนู

สารเป็นพิษคือสารในกลุ่ม toxalbumin (abrin) ผู้ป่วยที่กลืนเมล็ดมะกล่ําตาหนูจะมีช่วงภาวะที่อาการพิษยังไม่แสดงในช่วงระหว่าง 2-3 ชั่วโมง ถึง 2-3 วัน จากนั้นพิษจะทำให้เกิดผลต่อระบบและอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย ความรุนแรงของพิษจะมากน้อยแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับขนาดที่รับประทาน สภาวะร่างกาย และอายุของผู้ป่วย หากผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง จะทำให้เสียชีวิตได้ โดยผลของความเป็นพิษต่อระบบต่าง ๆ จะเป็นดังนี้[8]

ตัวอย่างผู้ได้รับพิษจากเมล็ดมะกล่ำตาหนู

วิธีแก้พิษมะกล่ำตาหนู

ประโยชน์ของมะกล่ำตาหนู

เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5.  “มะกล่ําตาหนู”.  (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม).  หน้า 590-591.
  2. หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคกลาง.  “มะกล่ำเครือ”.  (พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ, ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, กัญจนา ดีวิเศษ).  หน้า 117.
  3. หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1.  “มะกล่ําเครือ (Ma Klam Khruea)”.  (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์).  หน้า 209.
  4. หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ.  (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล).  “มะกล่ำตาหนู Crab’s Eye Vine/Amrerican Pea”.  หน้า 31.
  5. หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย.  “มะกล่ำตาหนู”.  (วิทยา บุญวรพัฒน์).  หน้า 420.
  6. ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.  “มะกล่ําตาหนู”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.phargarden.com.  [16 พ.ค. 2014].
  7. หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม 2.  “มะกล่ำตาหนู”.
  8. ระบบวินิจฉัยและการรักษาอาการอันเนื่องจากพืชพิษในประเทศไทย, สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.  “มะกล่ำตาหนู”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.medplant.mahidol.ac.th/tpex/.  [16 พ.ค. 2014].
  9. พืชสมุนไพร โตนงาช้าง.  “มะกล่ําตาหนู”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: paro6.dnp.go.th/web_km/พืชสมุนไพรโตนงาช้าง/.  [16 พ.ค. 2014].
  10. ข้อมูลพรรณไม้, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี.  “มะกล่ำตาหนู”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th/plants_data/. [16 พ.ค. 2014].
  11. ศูนย์ข้อมูลพิษวิทยา.  “Abrin ในมะกล่ำตาหนู (Jequirity bean)”  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: webdb.dmsc.moph.go.th/ifc_toxic/ez.mm_main.asp.  [16 พ.ค. 2014].
  12. สำนักงานเกษตรอำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม.  “มะกล่ำตาหนู ฮีโร่ใหม่ของชาวนากำแพงแสน”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: kamphaengsaen.nakhonpathom.doae.go.th/มะกล่ำตาหนู.pdf.  [16 พ.ค. 2014].

ภาพประกอบ : www.flickr.com (by judymonkey17, Russell Cumming, 翁明毅, Kenneth Setzer, Matt Lai, Warren McCleland)

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ()

  • 1 มะกล่ำตาหนู
  • 2 ลักษณะของมะกล่ำตาหนู
  • 3 สรรพคุณของมะกล่ำตาหนู
  • 4 ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของมะกล่ำตาหนู
  • 5 ข้อควรระวังในการใช้สมุนไพรมะกล่ำตาหนู
  • 6 อาการเป็นพิษจากเมล็ดมะกล่ำตาหนู
  • 7 ตัวอย่างผู้ได้รับพิษจากเมล็ดมะกล่ำตาหนู
  • 8 วิธีแก้พิษมะกล่ำตาหนู
  • 9 ประโยชน์ของมะกล่ำตาหนู
  • 10 เอกสารอ้างอิง
เรื่องที่น่าสนใจ