พริกหยวก สรรพคุณและประโยชน์ของพริกหยวก 18 ข้อ

พริกหยวก

พริกหยวก ชื่อสามัญ Banana Pepper, Paprika, Garden Pepper, Chili Pepper, Chili Plant, Red Pepper, Spanish pepper, Sweet Pepper[1],[2]

พริกหยวก ชื่อวิทยาศาสตร์ Capsicum annuum L. (Capsicum annuum var. annuum) จัดอยู่ในวงศ์มะเขือ (SOLANACEAE)[1]

สมุนไพรพริกหยวก มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า พริกหนุ่ม (พายัพ), พริกตุ้ม พริกตุ้มนาก (ไทย), พริก พริกซ่อม (ทั่วไป) เป็นต้น[1]

ลักษณะของพริกหยวก

ต้นพริกหยวก

ใบพริกหยวก

ดอกพริกหยวก

ผลพริกหยวก

รูปพริกหยวก

เมล็ดพริกหยวก

ความเผ็ดของพริกหยวกเกิดจากสารแคปไซซิน (Capsaisin) หรือ Capsacutin ซึ่งอยู่ที่รกตามบริเวณที่มีเมล็ดเกาะอยู่ หากถูกผิวหนังจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองที่ผิวหนังได้[1] ปริมาณของสาร Capsaisin จะแตกต่างกันออกไปตามชนิดและสายพันธุ์ของพริก ซึ่งสามารถเรียงลำดับตามความเผ็ดได้ดังนี้ คือ พริกขี้หนู 18.2 ppm., พริกเหลือง 16.7 ppm., พริกชี้ฟ้า 4.5 ppm., พริกหยวก 3.8 ppm., พริกหวาน 1.6 ppm. (จะเห็นได้ว่าพริกหยวกมีความเผ็ดน้อยกว่าพริกขี้หนูหลายเท่าตัว) และเนื่องจากสาร Capsaisin สามารถละลายในน้ำได้เพียงเล็กน้อย แต่จะละลายได้ดีในไขมัน น้ำมัน และแอลกอฮอล์ ถ้าต้องการลดความเผ็ดของอาหารในปาก ก็ให้รับประทานอาหารที่มีไขมันเป็นส่วนประกอบหรือดื่มแอลกอฮอล์มากกว่าดื่มน้ำเปล่า เนื่องจากน้ำเปล่าที่เราดื่มนั้นจะช่วยแค่บรรเทาอาการแสบร้อนได้เท่านั้น แต่ความเผ็ดยังไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด เพราะว่าน้ำละลายสารดังกล่าวได้ไม่ดีนั่นเอง[4]

สรรพคุณของพริกหยวก

  1. สาร Capsaisin ในผลเป็นตัวช่วยทำให้น้ำตาลในเลือดลดลง จึงช่วยในการบำบัดโรคเบาหวานได้ (ผล)[2]
  2. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ (ผล)[2]
  3. ช่วยบำรุงเลือดลม (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)[2]
  4. ผลมีรสเผ็ด (แต่เมล็ดไม่มีรสเผ็ด) เนื่องมาจากสาร Capsaisin ใช้ในปริมาณน้อย ๆ จะมีสรรพคุณช่วยกระตุ้นน้ำย่อย (ผล)[1]
  5. ผลมีสรรพคุณช่วยขับลม แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ (ผล)[2]
  6. ช่วยขับปัสสาวะ (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)[2],[5]
  7. ช่วยแก้กามโรม (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)[5]
  8. ช่วยแก้อาการปวดเมื่อย (ผล)[2]
  9. ยาดองเหล้าพริก (Tincture of Capsaicin) สามารถนำมาใช้ผสมในขี้ผึ้ง ใช้เป็นยาทาถูนวด และ Plaster ทาภายนอก เป็นยารักษาอาการปวดเมื่อย ไขข้ออักเสบได้ เพราะทำให้บริเวณที่ถูกทาร้อนและมีเลือดมาเลี้ยงมากขึ้น (ยาดองเหล้าพริก)[1]

หมายเหตุ : การใช้ผลให้นำมาปรุงเป็นอาหาร[2]

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของพริกหยวก

ประโยชน์ของพริกหยวก

  1. พริกหยวกที่เรานำมาใช้ประกอบอาหารยังประกอบไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยคุณค่าทางโภชนาการของพริกหยวก ต่อ 100 กรัม จะประกอบไปด้วย พลังงาน 27 กิโลแคลอรี, โปรตีน 1.5 กรัม, ไขมัน 0.2 กรัม, คาร์โบไฮเดรต 4.8 กรัม, ใยอาหาร 3.2 กรัม, เบตาแคโรทีน 8.88 ไมโครกรัม, วิตามินบี 1 0.41 มิลลิกรัม, วิตามินบี 2 0.08 มิลลิกรัม, วิตามินบี 3 1.3 มิลลิกรัม, วิตามินซี 14 มิลลิกรัม, แคลเซียม 11 มิลลิกรัม, ธาตุเหล็ก 0.1 กรัม, ฟอสฟอรัส 47 มิลลิกรัม (ข้อมูลจาก : กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข)
  2. ช่วยบรรเทาอาการไข้หวัด อาการไอ ทำให้ระบบการหายใจสะดวกยิ่งขึ้น โดยสารแคปไซซินที่อยู่ในพริกนั้นจะมีคุณสมบัติในการช่วยลดน้ำมูกหรือลดปริมาณของสารที่ขัดขวางระบบการหายใจในผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ ไซนัส หรือไข้หวัด สารแคปไซซินยังเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของตัวยาหลายชนิด นอกจากนี้ยังมีเบต้าแคโรทีนที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อต่าง ๆ ในบริเวณเนื้อเยื่อบุผนังช่องปาก จมูก ลำคอ และปอด[4]
  3. พริกเป็นพืชผักที่มีวิตามินซีซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระสูง การบริโภคอาหารที่มีวิตามินซีมาก ๆ จะช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งต่าง ๆ ได้[4]
  4. การบริโภคพริกเป็นประจำสามารถช่วยลดอัตราเสี่ยงของการอุดตันของเส้นเลือดที่เป็นสาเหตุสำคัญของโรคหัวใจล้มเหลวได้ เพราะพริกสามารถช่วยทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้นได้และช่วยลดความดัน เนื่องจากในพริกมีสารเบต้าแคโรทีนและวิตามินซีที่ช่วยเพิ่มการยืดตัวของผนังหลอดเลือด ช่วยเสริมสร้างผนังหลอดเลือดให้แข็งแรง ทำให้ปรับตัวเข้ากับแรงดันในระดับต่าง ๆ ได้ดี[4]
  5. สาร Capsaicin ในพริกยังช่วยป้องกันไม่ให้ตับสร้างไขมันเลว (LDL) ซึ่งเป็นผลเสียต่อสุขภาพ และในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้มีการสร้างไขมันชนิดดี (HDL) ให้มากยิ่งขึ้น จึงทำให้ปริมาณของไตรกลีเซอไรด์ในเลือดต่ำลง จึงเป็นผลดีต่อสุขภาพของผู้บริโภค[4]
  6. สาร Capsaicin มีส่วนในการส่งสัญญาณให้ต่อมใต้สมองสร้างสาร endorphin ขึ้น ซึ่งสารชนิดนี้มีคุณสมบัติคล้ายกับมอร์ฟีน คือ ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด ในขณะเดียวกันยังช่วยสร้างอารมณ์ให้ดีขึ้นได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีผลการทดลองใหม่ ๆ ที่ระบุว่าสาร Capsaicin สามารถช่วยลดอาการปวดศีรษะและไมเกรนลงได้อีกด้วย[4]
  7. ในปัจจุบันมีการใช้สาร Capsaicin เป็นส่วนประกอบของขี้ผึ้ง ที่นำมาใช้ทาเพื่อบรรเทาอาการปวดอันเนื่องมาจากผดผื่นและผื่นแดงบริเวณผิวหนัง รวมทั้งอาการปวดที่เกิดจากเส้นเอ็น ข้อต่ออักเสบ โรคเกาต์ เป็นต้น[4]
  8. นอกจากนี้ยังมีการนำพริกชนิดต่าง ๆ ไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารสัตว์เพื่อทดแทนสารปฏิชีวนะ ใช้ไล่แมลงศัตรูพืช ใช้ป้องกันไม่ให้เพรียงมาเกาะท้องเรือ เป็นต้น[4]
  9. ประโยชน์ทางด้านอาหารของพริกหยวก พริกหยวกมีรสไม่เผ็ดมาก จึงสามารถนำมาปรุงเป็นอาหารได้หลายอย่าง โดยนิยมเอาผลอ่อนมาทำผัดเปรี้ยวหวาน ผัดพริกหยวกใส่หมูรับประทานกับข้าวร้อน ๆ

โดยคุณค่าทางโภชนาการของพริกหยวก ต่อ 100 กรัม

% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database)

เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5.  (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม).  “พริกหยวก”.  หน้า 544-545.
  2. หนังสือสมุนไพรลดไขมันในเลือด 140 ชนิด.  (เภสัชกรหญิง จุไรรัตน์ เกิดดอนแฝก).  “พริกหยวก”  หน้า 130-131.
  3. หนังสือสมุนไพรบำบัดเบาหวาน 150 ชนิด.  (เภสัชกรหญิง จุไรรัตน์ เกิดดอนแฝก).  “พริกหยวก”.  หน้า 114-115.
  4. สาขาพืชผัก  มหาวิทยาลัยแม่โจ้.  (ชวนพิศ  อรุณรังสิกุล).  “พริก : พืชน่าพิศวง”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.agric-prod.mju.ac.th/web-veg/.  [24 ส.ค. 2014].
  5. มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 305 คอลัมน์ : เรื่องเด่นจากปก.  (ดร.พัชราณี ภวัตกุล).  “พริกขี้หนู กับปัจจัยเสี่ยง ของโรคหัวใจและหลอดเลือด”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.doctor.or.th.  [26 ส.ค. 2014].

ภาพประกอบ : www.flickr.com (by Ahmad Fuad Morad, Joseph Skompski)

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ()

  • 1 พริกหยวก
  • 2 ลักษณะของพริกหยวก
  • 3 สรรพคุณของพริกหยวก
  • 4 ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของพริกหยวก
  • 5 ประโยชน์ของพริกหยวก
  • 6 โดยคุณค่าทางโภชนาการของพริกหยวก ต่อ 100 กรัม
  • 7 เอกสารอ้างอิง
เรื่องที่น่าสนใจ