ผ่าตัดไส้ติ่งอย่างปลอดภัย

ผ่าตัดไส้ติ่ง (Appendectomy) เป็นการผ่าตัดเพื่อตัดนำไส้ติ่งออกไป เนื่องจากมีการอักเสบของไส้ติ่ง (Appendicitis) ซึ่งเกิดจากการอุดตันของสิ่งตกค้างบริเวณไส้ติ่ง หรือการอุดตันนั้นเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย จนทำให้ปวดท้องอย่างรุนแรงบริเวณรอบสะดือลงมาถึงท้องด้านล่างขวา และอาจมีอาการอื่น ๆ เช่น มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ตามมา หากไม่ได้รับการรักษาจนไส้ติ่งที่อักเสบแตก จะทำให้มีหนองไหลเข้าสู่ช่องท้อง หรือมีการติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดตามมา และอาจทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิตได้

ผ่าตัดไส้ติ่ง

ดังนั้น ควรสังเกตอาการที่เป็นสัญญาณของไส้ติ่งอักเสบ เพื่อเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที ก่อนจะพัฒนาอาการรุนแรงหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย ซึ่งได้แก่ ปวดท้องบริเวณรอบสะดือลงมาถึงท้องด้านล่างขวา มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ไม่อยากอาหาร ท้องร่วง ท้องผูก ท้องอืด กล้ามเนื้อหน้าท้องแข็ง และเมื่อแพทย์ทดสอบด้วยการกดไปที่หน้าท้องบริเวณไส้ติ่งจะมีอาการเจ็บปวด

เมื่อใดที่ควรผ่าตัดไส้ติ่ง ?

การผ่าตัดไส้ติ่งถูกใช้ใน 2 กรณี คือ หากตรวจพบว่ามีไส้ติ่งอักเสบและบวม แพทย์จะแนะนำให้ผ่าตัดเอาไส้ติ่งที่อักเสบออกไป ซึ่งจะเป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดในการรักษา แต่หากไส้ติ่งมีการอักเสบมากจนแตกในช่องท้อง จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดฉุกเฉินและจะมีความซับซ้อนในการรักษามากยิ่งขึ้น

ข้อควรระวังในการผ่าตัดไส้ติ่ง

ผู้ที่มีอาการไส้ติ่งอักเสบทุกคนควรได้รับการผ่าตัดไส้ติ่งเพื่อรักษา หากต้องผ่าตัดไส้ติ่ง ก่อนการผ่าตัดผู้ป่วยต้องแจ้งให้แพทย์ทราบหากมีภาวะดังต่อไปนี้

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดไส้ติ่ง

ขั้นตอนการผ่าตัดไส้ติ่ง

ความเสี่ยงจากการผ่าตัด

การพักฟื้นหลังการผ่าตัด

หลังการผ่าตัด ผู้ป่วยต้องพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลาหลายชั่วโมง 1 คืน หรือ 1-3 วัน ตามสภาพร่างกายและดุลยพินิจของแพทย์ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ในโรงพยาบาล เพื่อรอดูอาการ สังเกตการเต้นของชีพจร การหายใจ และอัตราการเต้นของหัวใจ แพทย์จะพิจารณาสภาพอาการของผู้ป่วยโดยรวม ประเภทของการผ่าตัดที่ใช้ และการตอบสนองต่อการผ่าตัดของร่างกายผู้ป่วย หากไม่พบสัญญาณที่เป็นอันตราย จึงจะอนุญาตให้ผู้ป่วยกลับไปพักรักษาตัวต่อที่บ้านได้

หากไม่มีอาการแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายหลังการผ่าตัด ผู้ป่วยจะฟื้นตัวและหายดีเป็นปกติภายใน 4-6 สัปดาห์ โดยผู้ป่วยควรดูแลรักษาสุขภาพตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

หากมีอาการเจ็บปวดหรือต้องการความช่วยเหลือ ควรรีบรับประทานยาหรือขอความช่วยเหลือจากผู้ดูแลทันที ไม่ควรรอจนอาการรุนแรงจึงเริ่มรับประทานยาหรือขอความช่วยเหลือ และกลุ่มยาแก้ปวดอาจมีผลข้างเคียงทำให้เวียนหัวหรือง่วงนอนได้ จึงควรมีผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อขอความช่วยเหลือได้ในยามจำเป็น

แพทย์จะพิจารณาว่าควรรับประทานอาหารได้เมื่อใด และอาจให้เริ่มรับประทานอาหารและเครื่องดื่มอ่อน ๆ ที่ย่อยง่าย อย่างน้ำเปล่า น้ำผลไม้ ไอศกรีม น้ำซุป และเครื่องดื่มที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอออล์ หากไม่มีอาการปวดท้องหรือท้องไส้ปั่นป่วนตามมา จึงค่อย ๆ เริ่มรับประทานอาหารชนิดอื่น ๆ ที่ดีต่อสุขภาพ จนสามารถรับประทานอาหารและเครื่องดื่มโดยปกติในภายหลัง

ควรรักษาความสะอาดบริเวณแผลผ่าตัดไม่ให้เกิดการอักเสบติดเชื้อ รับประทานยาตามที่แพทย์กำหนด ไปพบแพทย์ตามนัดหมายเสมอ นอนพักรักษาตัวหากรู้สึกอ่อนล้า และลุกเดินออกกำลังหรือเคลื่อนไหวร่างกายบ้างเพื่อป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน โดยหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้แรงหรือพละกำลังอย่างหนักจนกว่าร่างกายจะกลับสู่สภาพปกติ หากรู้สึกเจ็บปวดหรือต้องการความช่วยเหลือ ควรรีบขอความช่วยเหลือจากแพทย์หรือผู้ดูแลทันที

แผลจากการผ่าตัดและความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจะทุเลาลงภายใน 2-3 วันหลังการพักฟื้น แต่หากมีอาการอื่นที่เป็นสัญญาณของการติดเชื้อ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา โดยอาการที่เป็นสัญญาณเหล่านั้น ได้แก่