ปวดฟัน อาการ สาเหตุ และการรักษาอาการปวดฟัน 36 วิธี

ปวดฟัน

ปวดฟัน (Toothache) หมายถึง อาการปวดรอบฟันหรือขากรรไกร ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นผลมาจากสภาพฟันผุ ฟันคุด ฟันแตก ฟันสึก เหงือกอักเสบ หรือกระดูกรอบฟันอักเสบ นอกจากนี้อาการปวดฟันยังอาจเป็นอาการปวดจากโรคอื่น ๆ แล้วปวดร้าวส่งต่อมาที่ฟัน ส่งผลให้ดูเหมือนปวดฟัน เช่น จากโรคไซนัสอักเสบ โรคทางหู และโรคหลอดเลือดหัวใจ โดยอาการปวดฟันนี้จะไม่สามารถหายไปเองได้ หากไม่ได้รับการรักษาที่ต้นเหตุโดยทันตแพทย์ แต่ก็สามารถบรรเทาอาการให้ปวดน้อยลงได้ในช่วงระยะหนึ่งก่อนที่จะไปพบทันตแพทย์

สาเหตุของอาการปวดฟัน

อาการปวดฟัน

อาการปวดฟันมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภทหลัก ๆ โดยประเภทแรกเป็นการปวดฟันแบบเสียวจี๊ด ๆ เวลากินของเย็น ของหวาน หรือเมื่อตอนเคี้ยวอาหาร และอาการเหล่านี้จะหายไปเมื่อหยุดกินอาหารดังกล่าวภายในไม่กี่นาที ซึ่งลักษณะของอาการปวดเช่นนี้มักเกิดจากฟันผุหรือฟันบิ่นจนถึงเนื้อฟันชั้นใน จึงทำให้ความเย็นหรือแรงจากการเคี้ยวอาหารมีโอกาสกระตุ้นเส้นประสาทที่อยู่ในโพรงประสาทใต้เนื้อฟันได้มากกว่าปกติ จึงทำให้เกิดความรู้สึกเสียวฟันทุกครั้งเมื่อกินอาหาร

ส่วนอาการปวดฟันอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งจะมีความรุนแรงกว่า คือ การปวดเป็นจังหวะ ตุ้บ ๆ ซึ่งอาจปวดโดยอยู่เฉย ๆ ก็ปวด หรืออาจปวดมากขึ้นเวลากินของเย็นหรือของร้อน หรือเวลาเคี้ยวอาหาร และอาการปวดนี้จะไม่หายไปแม้จะเลิกกินอาหารเหล่านี้แล้วก็ตาม ซึ่งอาการปวดแบบนี้สามารถบรรเทาได้ด้วยการหลีกเลี่ยงอาหารประเภทดังกล่าวพร้อมกับการรับประทานยาแก้ปวด

ปวดฟันทําไงดี
IMAGE SOURCE : Csaba Deli

การวินิจฉัยอาการปวดฟัน

การวินิจฉัยหาตำแหน่งของอาการปวดฟันที่เป็นสาเหตุ ทันตแพทย์สามารถทำได้โดยการเริ่มสอบถามผู้ป่วยว่ามีอาการที่ฟันซี่ใด ปวดเวลาใด เคาะฟันเจ็บหรือไม่ อาหารชนิดใดรับประทานแล้วปวดฟัน ความไวต่ออุณหภูมิความร้อนหรือความเย็นของน้ำและอาหาร มีอาการปวดมากน้อยเพียงใด ลักษณะการปวดเป็นแบบปวดตุบ ๆ หรือปวดจี๊ด ๆ แล้วทันตแพทย์จะตรวจดูในช่องปากและฟันของผู้ป่วยเพื่อดูว่ามีอาการบวมหรือไม่ ตรวจหารอยแยกของฟันและของขอบวัสดุอุดฟัน (ถ้าอุดฟันไว้) เพื่อดูว่ามีฟันร้าวหรือไม่ นอกจากนี้ทันตแพทย์อาจถ่ายเอกซเรย์เพื่อช่วยหาหลักฐานของการสลายตัวของกระดูกฟัก ความผิดปกติระหว่างซี่ฟัน หรือฟันแตก

แต่บางครั้งสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวดฟันอาจไม่ได้เกิดจากฟันหรือขากรรไกรก็ได้ แต่อาจเป็นความปวดที่มาจากอวัยวะอื่นที่ผู้ป่วยรับรู้ว่าปวดบริเวณฟัน ซึ่งการวินิจฉัยหาตำแหน่งของอาการปวดฟันที่เป็นสาเหตุนั้น ทันตแพทย์อาจร่วมกันกับแพทย์เพื่อช่วยในการวินิจฉัยถึงโรคที่อาจเป็นสาเหตุ ซึ่งจะช่วยให้การวินิจฉัยโรคที่ก่อให้เกิดอาการปวดฟันเป็นไปได้อย่างแม่นยำมากขึ้น

เมื่อมีอาการปวดฟันควรทำอย่างไร

เมื่อมีอาการปวดฟันเกิดขึ้น ควรรีบไปพบทันตแพทย์ อย่าเข้าใจผิด คิดว่าปวดฟันจะไม่ทำให้เสียชีวิต เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อจนเกิดผลข้างเคียงร้ายแรงได้ เช่น มีไข้ มีอาการปวดฟันรุนแรงมากขึ้น เหงือกหรือช่องปากบวม ซึ่งจะทำให้การรักษายากขึ้นหรืออาจจำเป็นต้องถอนฟัน นอกจากนี้การอักเสบติดเชื้อยังอาจส่งผลต่อการอักเสบติดเชื้อของอวัยวะอื่น ๆ จากการที่เชื้อโรคแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือด เช่น โรคเยื่อบุหัวใจอักเสบ

อาการปวดฟันส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากโรคฟันผุ ถ้าไม่ได้รับการรักษาทันที เชื้ออาจแพร่กระจายไปยังปลายรากฟันเข้าไซนัสก่อให้เกิดไซนัสอักเสบ และแพร่กระจายไปในกระแสเลือดทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนที่รุนแรงดังกล่าว ซึ่งจะทำให้ยากต่อการรักษา
ดังนั้น เมื่อเริ่มมีอาการปวดฟันเกิดขึ้น จึงควรรีบไปพบทันตแพทย์เสมอภายใน 1-2 วัน และควรระลึกไว้เสมอว่าการหาวิธีแก้ปวดต่าง ๆ เช่น การรับประทานยาแก้ปวด ฯลฯ จะสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะไม่ใช่การรักษาที่สาเหตุ

วิธีแก้ปวดฟัน

การรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการปวดฟันว่ามาจากสาเหตุใด ดังนี้

การรักษาทางทันตกรรมได้ทันเวลาในขณะที่เริ่มรู้สึกปวดฟันและยังไม่มีการติดเชื้อจะได้ผลค่อนข้างดี เช่น การอุดฟัน การรักษาคลองรากฟัน หรือการรักษาเหงือก แต่ถ้ามีการติดเชื้อรุนแรงและเชื้อได้แพร่กระจายไปยังไซนัสหรือกระดูกขากรรไกร หรือเกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ก็จะทำให้การรักษายากขึ้น และอาจจำเป็นต้องถอนฟันออกไป

กดจุดแก้ปวดฟัน

  1. จุดเหอกู่ ให้คว่ำฝ่ามือลง นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้แนบชิดติดกัน โดยจุดเหอกู่จะอยู่ตรงจุดสูงสุดของกล้ามเนื้อที่นูนขึ้นมาระหว่างนิ้วทั้งสอง (การหาจุดกดอีกวิธีคือให้กางหัวแม่มือและนิ้วชี้ออก แล้วให้ใช้นิ้วหัวแม่มืออีกข้าง (ตรงรอยแบ่งข้อหัวแม่มือข้อแรก) ทาบลงบนกลางง่ามมือ) แล้วให้ใช้นิ้วหัวแม่มือข้างหนึ่งกดอีกข้างหนึ่ง (ในกรณีที่กดตัวเอง) หรือให้คนอื่นกดให้ โดยใช้หัวแม่มือกดจุดทั้งสองพร้อม ๆ กัน (ใช้ในกรณีปวดฟันบน ถ้าปวดด้านซ้ายให้กดจุดเหอกู่ที่มือขวา ถ้าปวดด้านขวาให้กดจุดเหอกู่ที่มือด้านซ้าย)
    กดจุดแก้ปวดฟัน
    IMAGE SOURCE : www.doctor.or.th
  2. จุดเจี๋ยเชอ ให้กัดฟันทั้งสองข้าง โดยจุดเจี๋ยเชอจะอยู่ตรงรอยนูนขึ้นของกล้ามเนื้อตรงแก้มทั้งสองข้าง แล้วให้ใช้หัวแม่มือกดและคลึงเบา ๆ บนจุดเจี๋ยเชอ (การกดจุดในตำแหน่งนี้ใช้ในกรณีที่ปวดฟันล่าง ถ้าปวดด้านใดก็ให้กดด้านนั้น)
    วิธีรักษาอาการปวดฟัน
    IMAGE SOURCE : www.doctor.or.th
  3. จุดหยาท้ง จะอยู่ในตำแหน่งระหว่างนิ้วที่ 3 และ 4 บนฝ่ามือ ใต้ง่ามนิ้วประมาณ 1 นิ้ว แล้วให้ใช้นิ้วหัวแม่มือกดและคลึงเบา ๆ บนจุดหยาท้ง (การกดจุดในตำแหน่งนี้ให้ใช้กดเมื่อปวดทั้งฟันบนและฟันล่าง หรือปวดเฉพาะฟันบนหรือฟันล่าง และถ้าปวดด้านใดก็กดบนมือด้านนั้น)
    วิธีบรรเทาอาการปวดฟัน
    IMAGE SOURCE : www.doctor.or.th

โปรดทราบว่าการกดจุดระงับอาการปวดฟันนี้สามารถระงับอาการปวดฟันได้ชั่วคราวเท่านั้น (เหมือนการรับประทานยาแก้ปวด) และควรได้รับการรักษาที่ต้นเหตุ

วิธีป้องกันอาการปวดฟัน

การดูแลสุขภาพช่องปากและฟันที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันการปวดฟัน ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้ฟันผุ (สาเหตุส่วนใหญ่ของการปวดฟัน) คือ

  1. การแปรงฟันให้ถูกวิธีอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการรับประทานอาหารและขนมขบเคี้ยว (ควรพกแปรงสีฟันติดกระเป๋าไว้เสมอ เพื่อที่จะได้แปรงฟันได้ทุกที่ แต่หากไม่สามารถแปรงฟันได้ อย่างน้อยก็ควรบ้วนปากบ้างก็ยังดี)
  2. ควรใช้ไหมขัดฟัน (Dental floss silk) ขัดฟันวันละครั้ง เพื่อช่วยทำความสะอาดซอกฟันที่ขนของแปรงสีฟันเข้าไปไม่ถึง และเพื่อช่วยป้องกันโรคเหงือกอักเสบ โดยการเอาเศษอาหารและคราบจุลินทรีย์ที่ติดค้างอยู่ในซอกฟันออกมา
  3. ควรใช้ฟลูออไรด์ ซึ่งอาจเป็นในรูปแบบของยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก หรือยาเม็ดที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ถ้าใช้ชนิดกินควรปรึกษาทันตแพทย์ถึงขนาดและวิธีการใช้ เพราะถ้าใช้มากเกินไปอาจทำให้ฟันตกกระ หรือถ้ากินในขนาดสูงมาก ๆ อาจเป็นพิษต่อร่างกายได้ โดยฟลูออไรด์นี้จะช่วยเสริมสร้างผิวเคลือบฟันให้แข็งแรง แต่จะได้ผลดีสำหรับเด็กตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงอายุ 14 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่อยู่ในวัยที่ฟันกำลังเจริญเติบโต
  4. รับประทานอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล (คาร์โบไฮเดรต) ให้น้อยลง เช่น น้ำอัดลม น้ำผลไม้ผสมน้ำตาล ชาหวาน กาแฟใส่น้ำตาล อาหารขยะ ลูกกวาด ขนมขบเคี้ยว ฯลฯ โดยเฉพาะอาหารจำพวกแป้งอย่างเช่นมันฝรั่งทอด ของขบเคี้ยว ที่ถึงแม้จะไม่มีน้ำตาล แต่ก็เป็นบ่อเกิดทำให้เกิดฟันผุได้เช่นกัน เพราะถ้าเปรียบเทียบกับช็อกโกแลตแล้ว มันฝรั่งยังอาจทำให้ฟันผุได้ง่ายกว่า เพราะบางคนเคี้ยวเพลิน โดยคิดไปเองว่าเค็ม ๆ กรอบ ๆ ไม่มีน้ำตาล ไม่น่าจะทำให้ฟันผุ แต่ความจริงแล้วกลับตรงกันข้ามเลย
  5. พยายามรับประทานอาหารเฉพาะมื้อหลักแทนการรับประทานอาหารว่างบ่อย ๆ เพื่อช่วยลดจำนวนครั้งที่ฟันจะผลิตกรดที่ย่อยอาหารออกมา
  6. ควรไปพบทันตแพทย์อย่างน้อยเป็นประจำทุก 6 เดือนเพื่อตรวจสุขภาพและทำความสะอาดฟัน
  7. ผู้ปกครองควรพาเด็กไปพบทันตแพทย์เป็นครั้งแรกก่อนที่เด็กจะมีอาการปวดฟันหรือพาไปพบทันตแพทย์ตั้งแต่เด็กเริ่มมีฟันขึ้น และผู้ปกครองควรช่วยเด็กแปรงฟันด้วย ซึ่งจะเป็นการช่วยลดโอกาสการเกิดฟันผุและอาการปวดฟันในเด็กได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นการสอนให้เด็กรู้จักการดูแลฟันและควรไปพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่
วิธีทําให้หายปวดฟัน
IMAGE SOURCE : netdoctor.cdnds.net
เอกสารอ้างอิง
  1. หาหมอดอทคอม.  “ปวดฟัน (Toothache)”.  (รศ.ทพ.เชวงเกียรติ แสงศิรินาวิน).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : haamor.com.  [05 ส.ค. 2016].
  2. มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 6 คอลัมน์ : ฟันดีมีสุข.  “โอ๊ย! ปวดฟัน”.  (ทพ.สิทธิชัย ขุนทองแก้ว).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.doctor.or.th.  [06 ส.ค. 2016].
  3. มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 35 คอลัมน์: การแพทย์ตะวันออก.  “กดจุดแก้ปวดฟัน”.  (วิทิต วัณนาวิบูล).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.doctor.or.th.  [06 ส.ค. 2016].
  4. สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี.  “กลุ่มยาแก้ปวดฟัน”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.rspg.or.th/plants_data/herbs/.  [07 ส.ค. 2016].
  5. wikiHow.  “วิธีการบรรเทาอาการปวดฟัน”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : th.wikihow.com.  [07 ส.ค. 2016].
  6. นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 191

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ()

  • 1 ปวดฟัน
  • 2 สาเหตุของอาการปวดฟัน
  • 3 อาการปวดฟัน
  • 4 การวินิจฉัยอาการปวดฟัน
  • 5 เมื่อมีอาการปวดฟันควรทำอย่างไร
  • 6 วิธีแก้ปวดฟัน
  • 7 กดจุดแก้ปวดฟัน
  • 8 วิธีป้องกันอาการปวดฟัน
  • 9 เอกสารอ้างอิง
เรื่องที่น่าสนใจ