บอกเล่าเก้าสิบ ตอนที่ 7 เครียดมากครับ

5 กันยายน 2014
บอกเล่าเก้าสิบ

“สวัสดีครับคุณลุง วันนี้ทำไมคุณลุงมาคนเดียวครับ คุณป้าไปไหนเหรอครับ ไม่มาด้วยวันนี้” ผมทักทายคุณลุงท่านหนึ่งที่เป็นผู้ป่วยผม ปกตินั้นคุณลุงและคุณป้าจะมาตรวจกับผมพร้อมกันทุกครั้ง คุณลุงป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงและอัมพาตเล็กน้อย หายดีเป็นปกติ ส่วนคุณป้าเป็นโรคสมองเสื่อม จำอะไรไม่ได้เลย ขณะที่มาตรวจแต่ละครั้ง คุณลุงจะต้องนั่งเฝ้าตลอดเวลา ไม่ให้ห่างเลย เพราะคุณป้าจะต้องมองหาคุณลุงตลอด ถ้าหันมาไม่เห็นก็จะลุกตามหาคุณลุงทันทีครับ ครั้งหนึ่งคุณลุงไปห้องน้ำฝากคุณป้าไว้กับพยาบาล พอคุณลุงกลับมาก็ไม่พบคุณป้าแล้วครับ เพราะคุณป้าได้ออกเดินหาคุณลุง ต้องตามหากันหลายชั่วโมงกว่าจะพบคุณป้า อยู่ที่บ้านคุณลุงก็ต้องช่วยเหลือคุณป้าทุกอย่างตั้งแต่ทานอาหาร อาบน้ำ เข้าห้องน้ำ แต่งตัว พูดง่ายๆ คือทุกอย่างคุณป้าทำไม่ได้เลย ต้องมีคุณลุงช่วยตลอดในทุกเรื่อง แต่ที่คุณป้าไม่มาวันนี้ เพราะคุณป้าได้เสียชีวิตแล้ว

“คุรหมอครับ คุณป้าไปสบายแล้วครับ แกเสียไป 2 สัปดาห์ก่อนครับ เป็นปอดบวม ติดเชื้อเข้ารักษาในโรงพยาบาลเพียง 3 วันก็เสีย แกไปสบายแล้วครับ “ ผมดูคุณลุงแล้วแกเศร้ามากเลยครับ ผมจึงเอ๋ยปากขอโทษที่ไปถามแกว่าคุณป้าไปไหน “ คุณลุงครับผมขอโทษนะครับ ที่ทำให้คุณลุงต้องพูดเรื่องคุณป้า ผมขอโทษจริงๆครับ” ปกติแล้วทุกครั้งที่คุณลุงพาคุณป้ามาตรวจก็จะบ่นกับผมทุกครั้งว่าเหนื่อยมาก เพราะไม่ค่อยได้หลับเลย เนื่องจากคุณป้าจะไม่ค่อยนอนกลางคืนเลย เช้าก็ต้องดูแลป้าแกทั้งวัน ทุกอย่างก็ต้องช่วยหมด เพราะป้าจะไม่ยอมให้ใครช่วยเหลือเลย คุณลุงเคยหาคนมาช่วย ป้าก็ไม่ยอมให้ใครช่วยเลย ดังนั้นคุณลุงก็เลยต้องช่วยทุกอย่าง

ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเมื่อคุณป้าไม่อยู่แล้ว คุณลุงก็น่าจะสบายขึ้น จะได้นอนเป็นเวลาไม่ต้องอดนอน ไม่ต้องเหนื่อยที่ต้องดูแลคุณป้า แต่ทำไมดูเหมือนคุณลุงไม่สดชื่นเลย เศร้ามากกว่าเดิมอีก ผมจึงถามคุณลุงว่า “ คุณลุงก็คงสบายขึ้นนะครับ ไม่ต้องอดนอนแล้ว แต่ทำไมความดันโลหิตยังคุมไม่ได้เลย” คุณลุงตอบผมว่า “ คุณหมอครับ ผมเครียดกว่าเดิมอีกครับ นอนก็ไม่หลับ กลางวันก็ไม่รู้จะคุยกับใคร หันไปไหนก็ไม่พบใครเลย ผมเครียดมากครับ คิดถึงป้าแกมากครับ” อ้าวทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้ ผมไม่ค่อยเข้าใจ ก็เลยถามคุณลุงแกอีกครั้ง “ คุณลุงครับ ป้าไปสบายแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงแกแล้ว คุณลุงทำใจให้สบายเถอะครับ”

คุณลุงกลับยิ่งเศร้าหนักกว่าเดิม คุณลุงพูดว่า “ หมอครับ ผมอยู่กับป้ามาตั้ง 50 ปี เห็นหน้ากันทุกวัน ลูกก็ไม่มี ไปไหนก็ไปด้วยกันตลอด พอแกไม่สบายผมก็ดูแลป้าแกเองมาตลอดเวลา เช็ดขี้ เช็ดเยี่ยวให้แกทุกอย่าง แกไม่ไว้ใจใครเลย ผมต้องทำให้แกหมดทุกอย่าง ดังนั้นเมื่อป้าแกไม่อยู่ ผมก็ไม่รู้จะพูดกับใคร ถึงจะสบายกายแต่ไม่สบายใจเลย เครียดมากครับ นอนไม่หลับ ทานข้าวไม่ได้เลย ผมว่าผมจะแย่แน่ๆเลยครับ “

ผมต้องคอยปลอบใจคุณลุงอยู่นานครับ ต้องอธิบายให้คุณลุงค่อยๆ ผ่อนคลายความเตรียด ความกังวล ความคิดถึงคุณป้าและก็ต้องเพิ่มยาต้านเศร้าให้คุณลุงไปอีกหนึ่งขนานครับ ผมหวังว่าคุณลุงน่าจะค่อยๆ ดีขึ้น

ผมได้เรียนรู้จากคุณลุง-ป้าเกี่ยวกับความผูกพัน ความห่วงใย ความรักที่มีต่อกันอย่างที่ทุกคนยากที่จะเข้าใจ และการดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมที่ดีที่สุดก็ต้องเป็นคนในครอบครัว ที่มีความรัก ความห่วงใยต่อกัน ไม่มีใครที่จะทดแทนได้ดีกว่าคนในครอบครัว เหนื่อยกายพักก็หาย แต่เหนื่อยใจและความคิดถึงนั้นยากที่จะปล่อยวางและทำให้หายคิดถึงได้