น้ำใจใคร่ สรรพคุณและประโยชน์ของต้นน้ำใจใคร่ 15 ข้อ

น้ำใจใคร่

น้ำใจใคร่ ชื่อวิทยาศาสตร์ Olax psittacorum (Lam.) Vahl จัดอยู่ในวงศ์น้ำใจใคร่ (OLACACEAE)[1],[2]

สมุนไพรน้ำใจใคร่ มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า เคือขนตาช้าง (ศรีสะเกษ), ควยเซียก (นครราชสีมา), อีทก เยี่ยวงัว (อุบลราชธานี), กระดอกอก (สุพรรณบุรี), กระทอกม้า (ราชบุรี), น้ำใจใคร่ (ราชบุรี, กาญจนบุรี), กะหลันถอก (กาญจนบุรี), หญ้าถลกบาตร (พิษณุโลก, อุตรดิตถ์), ส้อท่อ (ทุ่งสง-นครศรีธรรมราช), กระทอก ชักกระทอก (ประจวบคีรีขันธ์), ควยถอก (ชุมพร), กะเดาะ กระเดาะ (สงขลา), ผักรูด (สุราษฎร์ธานี), เจาะเทาะ (พัทลุง, สงขลา), เสาะเทาะ (สงขลาตอนใน เช่น หาดใหญ่ คลองหอยโข่ง), นางจุม นางชม (ภาคเหนือ), กะทกรก กระทกรก (ภาคกลาง), ลูกไข่แลน (ภาคใต้บางแห่ง), กระเด๊าะ อาจิง (มลายู-นราธิวาส), อังนก, สอกทอก, จากกรด, ผักเยี่ยวงัว เป็นต้น[1],[2],[3],[4],[5],[6]

ลักษณะของน้ำใจใคร่

ต้นน้ำใจใคร่

ใบน้ำใจใคร่

ดอกน้ำใจใคร่

ผลน้ำใจใคร่

สรรพคุณของน้ำใจใคร่

  1. เปลือกต้นมีรสฝาดร้อน ใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาชูกำลังหรือบำรุงกำลัง (เปลือกต้น)[2],[3]
  2. เนื้อไม้มีรสฝาดเฝื่อน ใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาคุมธาตุ ถอนพิษยาเมาเบื่อทั้งปวง (เนื้อไม้)[2],[3],[6]
  3. ใบนำมาตำให้ละเอียดแล้วคั้นเอาน้ำดื่มเป็นยาเบื่อ (ใบ)[6]
  4. รากมีรสสุขุม ใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ไข้ แก้เด็กตัวร้อน ส่วนเปลือกต้นก็มีสรรพคุณเป็นยาแก้ไข้เช่นกัน (ราก, เปลือกต้น)[2],[3],[4],[6]
  1. ใบมีรสฝาดเมา นำมาตำให้ละเอียด เอากากสุมศีรษะแก้อาการปวดศีรษะ ไข้หวัดคัดจมูก (ใบ)[2],[3],[6]
  2. เนื้อของผลใช้เป็นยารักษาโรคตาแดง (เนื้อผล)[5]
  3. เมล็ดมีรสฝาดร้อน นำมาบดให้ละเอียดผสมกับน้ำสับปะรด รมควันให้อุ่นใช้เป็นยาทาท้องเด็ก แก้ท้องอืดเฟ้อ ช่วยทำให้ขับผายลม (เมล็ด)[2],[6]
  4. รากนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาขับพยาธิ (ราก)[2],[3] ส่วนอีกตำราระบุว่า ให้ใช้ใบนำมาตำให้ละเอียดคั้นเอาน้ำดื่มเป็นยาขับพยาธิ (ใบ)[6]
  5. เนื้อไม้นำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้กามโรค (เนื้อไม้)[2] ส่วนอีกตำราระบุว่า ให้ใช้รากนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้กามโรค (ราก)[6]
  6. ลำต้นนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้โรคไตพิการ (โรคที่เกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะ เช่น ปัสสาวะขุ่น แดง หรือเหลือง มีอาการแน่นท้อง กินอาหารไม่ได้) (ต้น)[1],[3]
  7. เนื้อไม้ใช้ฝนทารักษาบาดแผล (เนื้อไม้)[2],[3],[6]
  8. เปลือกต้นนำมาต้มรมหรือทารักษาแผลเน่าเปื่อย ทำให้แผลแห้ง (เปลือกต้น)[2],[3],[6]
  9. เนื้อไม้นำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้อาการปวดเมื่อย (เนื้อไม้)[3]

ประโยชน์ของน้ำใจใคร่

เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1.  (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์).  “น้ำใจใคร่ (Nam Chai Khrai)”.  หน้า 156.
  2. หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคเหนือ.  (พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ).  “น้ำใจใคร่”.  หน้า 126.
  3. ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.  “น้ำใจใคร่”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.phargarden.com.  [01 ธ.ค. 2014].
  4. ข้อมูลพรรณไม้, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี.  “น้ำใจใคร่”.  อ้างอิงใน : หนังสืออนุกรมวิธานพืช อักษร ก. (ราชบัณฑิตยสถาน).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.rspg.or.th/plants_data/.  [01 ธ.ค. 2014].
  5. เดอะแดนดอทคอม.  “น้ำใจใคร่”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.the-than.com.  [01 ธ.ค. 2014].
  6. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5.  (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม).  “กะทกรก”.  หน้า 49-50.

ภาพประกอบ : www.flickr.com (by thammavong viengsamone, Dinesh Valke), photobucket.com (by jayah9), www.pharmacy.mahidol.ac.th/siri/

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ()

  • 1 น้ำใจใคร่
  • 2 ลักษณะของน้ำใจใคร่
  • 3 สรรพคุณของน้ำใจใคร่
  • 4 ประโยชน์ของน้ำใจใคร่
  • 5 เอกสารอ้างอิง
เรื่องที่น่าสนใจ