ท้องอืด ท้องเฟ้อ (ตอนที่ 2 และตอนจบ)

11 มกราคม 2017

โดยทั่วไป อาการท้องอืดเป็นเรื่องปกติของร่างกาย นอกจากจะมีอาการรุนแรง เกิดบ่อย และมีกลิ่นน่ารังเกียจ หรือมีอาการอื่นเพิ่มเติมที่อาจบ่งชี้ถึงความผิดปกติของระบบย่อยอาหาร เช่น

• เกิดอาการท้องอืดบ่อยโดยอัตโนมัติ
• เมื่อมีอาการท้องอืด จะมีการปล่อยลมออกมาเป็นจำนวนมาก
• มีกลิ่นที่น่ารังเกียจ
• อาจมีอาการปวดเสียดแทงในท้อง (Jabbing pains) ไปตามจุดต่างๆ ในช่องท้อง
• มีความรู้สึกท้องขึ้น (Bloated feeling) และจุก (Knotted sensation) ในช่องท้อง
• เป็นโรคลำไส้แปรปรวน (Irritable bowel syndrome = IBS)

ทั้งนี้ อาหารที่เป็นสาเหตุของอาการท้องอืด ได้แก่อาหารที่มีสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตโมเลกุลใหญ่ที่เรียกว่า พอลิแซ็กคาไรด์ (Polysaccharides) โดยเฉพาะโอลิโกแซ็กคาไรด์ (Oligosaccharides) โดยตัวอย่างของอาหาร เช่น

• ถั่ว
• บร็อคโคลี่
• กะหล่ำปลี (Cabbage)
• มะม่วงหิมพานต์
• กะหล่ำดอก (Cauliflower)
• ผลิตภัณฑ์นม (Dairy products)
• กระเทียม (Garlic)
• กระเทียมต้น (Leeks)
• หัวหอม
• มันเทศ (Sweet potatoes)
• ข้าวโอ๊ต
• ข้าวสาลี
• ยีสต์
• ผลไม้ เช่น แอปเปิ้ล แอปริคอต ลูกพีช ลูกแพร์
• ผลไม้แห้ง เช่น ลูกเกด ลูกพรุน

สำหรับการรักษาอาการท้องอืดส่วนใหญ่ทำได้ด้วยการเปลี่ยนวิถีชีวิต (Life style) และอาหารที่กิน โดยเฉพาะอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตที่ไม่ค่อยดูดซึม นอกจากนี้ยังควร

• แบ่งมื้ออาหารให้มากขึ้น เช่น 4-6 มื้อต่อวัน โดยกินอาหารในแต่ละมื้อให้น้อยลง
• กินอาหารให้ช้าลง เคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืน
• หลีกเลี่ยงการเคี้ยวหมากฝรั่ง เพราะทำให้มีโอกาสในการกลืนอากาศเข้าท้องมากขึ้น
• ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
• เลิกสูบบุหรี่ เพราะเพราะทำให้มีโอกาสในการสูดอากาศเข้าในท้องมากขึ้น
• กินถ่านกัมมันต์ (Charcoal tablets) เพื่อช่วยลดแก๊สในท้อง

บรรณานุกรม

1. Flatulence. [2017, January 10].

2. Flatulence (Farting): Causes, Symptoms and Remedies. [2017, January 10].