ท้องร่วงเพราะไวรัสโรต้า (ตอนที่ 3 และตอนจบ)

17 มกราคม 2017
ท้องร่วงเพราะไวรัสโรต้า

ผู้ที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อนี้ ได้แก่ เด็กอายุ 3-35 เดือน ส่วนผู้ใหญจะได้แก่ ผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลเด็ก โดยจะมีความเสี่ยงมากในหน้าหนาว

ปัจจุบันยังไม่มีวิธีเฉพาะในการรักษาโรคท้องร่วงจากไวรัสโรต้า ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) และ ยาต้านไว้รัส (Antivirals) ไม่สามารถช่วยรักษาโรคนี้ได้ หรือแม้แต่ยาแก้ท้องเสีย (Anti-diarrheal medications) ก็ไม่แนะนำให้ใช้กับโรคนี้ เพราะโรคมักจะหายใน 3-7 วัน

สิ่งสำคัญในการดูแลผู้ป่วยโรคนี้ก็คือ การป้องกันภาวะขาดน้ำ ซึ่งการป้องกันภาวะขาดน้ำที่ดี ก็คือ การดื่มน้ำให้มาก เช่น น้ำผสมผงเกลือแร่โออาร์เอส (Oral rehydration solutions = ORS) และหากมีอาการขาดน้ำรุนแรงอาจต้องมีการให้สารน้ำทางหลอดเลือด (Intravenous = IV)

สำหรับการป้องกันโรคท้องร่วงจากไวรัสโรต้าสามารถทำได้ง่ายด้วยการมีสุขอนามัยที่ดี เช่น การล้างมือและรักษาความสะอาด ส่วนเด็กเล็กจะมีการให้วัคซีนป้องกันทางปาก (Rotavirus vaccines) ดังนี้

ทั้งนี้ วัคซีนทั้ง 2 ตัว จะให้ผลได้ดี หากมีการให้เด็กครั้งแรกก่อนที่เด็กจะอายุ 15 สัปดาห์ และควรให้วัคซีนครบทั้งหมดก่อนเด็กอายุ 8 เดือน

โดยวัคซีนป้องกันโรคท้องร่วงจากไวรัสโรต้าจะไม่สามารถป้องกันโรคท้องร่วงหรืออาเจียนที่เกิดจากไวรัสหรือเชื้อชนิดอื่นได้

อย่างไรก็ดี ไม่ควรให้วัคซีนกับทารกที่มีลักษณะดังต่อไป

อนึ่ง โรคท้องร่วงจากโรต้าไวรัส (Rotavirus) มักเกิดในเด็กเล็ก ต่างจากโรคท้องร่วงจากโนโรไวรัส (Norovirus) ที่มักเกิดในผู้ใหญ่ แต่ทั้งคู่มีการติดเชื้อและแพร่กระจายได้เร็ว

บรรณานุกรม

1. Rotavirus. [2017, January 16].

2. Rotavirus Infection. [2017, January 16].

3. Rotavirus. [2017, January 16].