on
ทีบี ในวันนี้ (ตอนที่ 2)
12 มีนาคม 2016
ไม่ใช่ทุกคนที่ติดเชื้อวัณโรคจะต้องป่วย เพราะวัณโรคมี 2 ลักษณะ คือ
1) วัณโรคระยะแฝง (Latent TB infection) และ
2) วัณโรคที่แสดงอาการ (TB disease)
วัณโรคระยะแฝง เป็นเชื้อวัณโรคที่อยู่ในร่างกายแต่ไม่ทำให้ป่วยหรือมีอาการ คนที่เป็นวัณโรคระยะแฝงจะไม่เป็นผู้แพร่เชื้อไปยังผู้อื่น อย่างไรก็ดีหากเชื้อได้มีการแบ่งตัวเพิ่มในร่างกาย คนที่เป็นวัณโรคระยะแฝงก็อาจป่วยเป็นวัณโรคที่แสดงอาการได้
วัณโรคแสดงอาการได้เพราะระบบภูมิต้านทานไม่สามารถหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค ทำให้มีการเพิ่มขึ้นของเชื้อในร่างกาย เป็นผลทำให้ป่วยและสามารถแพร่กระจายเชื้อไปยังผู้อื่นได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีระบบภูมิต้านทานอ่อนแอ อย่างผู้ที่ติดเชื้อเฮชไอวีจะมีความเสี่ยงในการเป็นวัณโรคมากกว่าคนปกติ
อาการของผู้ที่ป่วยเป็นวัณโรคจะขึ้นกับบริเวณที่เชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตในร่างกาย ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเกิดที่บริเวณปอดหรือที่เรียกว่า วัณโรคปอด (Pulmonary TB) โดยแสดงอาการที่สำคัญ เช่น
- ไออย่างรุนแรงในระยะ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา หรือนานกว่านั้น
- เจ็บหน้าอก
- ไอปนเลือดหรือไอมีเสมหะ
อาการอย่างอื่น ได้แก่
- อ่อนเพลียหรือเหนื่อยล้า
- น้ำหนักลด
- เบื่ออาหาร
- หนาวสั่น
- เป็นไข้
- เหงื่อออกตอนกลางคืน
แต่หากเป็นวัณโรคในบริเวณอื่นของร่างกาย ก็จะมีอาการที่แตกต่างกันไป โดยอาการแทรกซ้อนของวัณโรค ได้แก่
- อาการเจ็บหลังและหลังแข็ง
- ข้อถูกทำลาย โดยเฉพาะบริเวณสะโพกและเข่า
- เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis)
- มีปัญหาในการกรองของเสียของตับหรือไตในกรณีที่ติดเชื้อวัณโรคบริเวณนี้
- หัวใจผิดปกติ มีภาวะบีบรัดหัวใจ (Cardiac tamponade) แต่พบได้น้อย
บางคนอาจเป็นวัณโรคทันที (ภายในไม่กี่สัปดาห์) หลังการติดเชื้อ แต่บางคนอาจจะป่วยหลังการติดเชื้อเป็นปีเมื่อระบบภูมิต้านทานอ่อนแอ
แหล่งข้อมูล
1. Tuberculosis (TB)[2016, March 11].
2. Tuberculosis. [2016, March 11].