ตาแดงได้โดยไม่ต้องแต่งเติม (ตอนที่ 2)

23 กันยายน 2014

นายแพทย์ฐาปนวงศ์ แนะนำว่า หากหยอดยาปฏิชีวนะแล้วมีตาแดงมากขึ้นหรือหนังตาบวมแดงให้หยุดยา และนำยามาปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรว่าแพ้ยาหรือไม่ ที่สำคัญคือต้องหยุดเรียน หรือหยุดงานอย่างน้อย 3 วัน พักผ่อนให้มากๆ และพักการใช้สายตา ส่วนใหญ่อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นและหายภายใน 1-2 สัปดาห์

แต่หากยังมีอาการระคายเคืองเหมือนมีทรายเข้าตา ตามัว แสดงว่าอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน ที่สำคัญคือกระจกตาอักเสบ ตาดำอักเสบ หรือม่านตาอักเสบ ขอให้รีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจอย่างละเอียดและให้การรักษาอย่างเหมาะสม

นายแพทย์ฐาปนวงศ์ กล่าวอีกว่า การป้องกันโรคตาแดงทำได้โดยการล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หลีกเลี่ยงการใช้มือแคะ แกะ เกาหน้า ขยี้ตา ไม่ลงเล่นน้ำท่วม หากจำเป็นขอให้รีบอาบน้ำให้สะอาดทันทีหลังขึ้นจากน้ำ ส่วนผู้เป็นโรคตาแดง ขอให้งดลงสระว่ายน้ำจนกว่าจะหาย เพื่อป้องกันเชื้อแพร่กระจายในน้ำ

โรคตาแดง (Conjunctivitis / Pink eye / Madras eye) เป็นการอักเสบหรือติดเชื้อของเยื่อบุตาขาว (Conjunctiva) เมื่อหลอดเลือดเล็กในเยื่อบุตามีการอักเสบ จึงทำให้เห็นได้ชัดว่า ตามีสีแดงหรือสีชมพู ส่วนใหญ่โรคตาแดงเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัส มีบางกรณีที่เกิดจากปฏิกิริยาแพ้ (Allergic reaction) หรือในทารกอาจเกิดจากการที่ท่อน้ำตายังเปิดไม่เต็มที่

แม้ว่าตาแดงจะทำให้เกิดอาการระคายเคือง แต่ก็ไม่ค่อยกระทบต่อการมองเห็น โดยอาการทั่วไปของโรคตาแดง ได้แก่

• ตามีสีแดงข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง
• เคืองตาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง
• มีความรู้สึกว่ามีเม็ดเล็กๆ อยู่ในตาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง
• ขี้ตาที่ไหลออกระหว่างนอนกลางคืนนอาจทำให้ลืมตาได้ยากเมื่อตอนตื่น
• มีน้ำตาไหล

โรคตาแดงมีโอกาสในการติดต่อได้มากในระยะเวลา 2 สัปดาห์หลังจากที่เริ่มมีอาการ การตรวจและรักษาก่อนจะช่วยป้องกันการแพร่กระจายไม่ให้คนรอบข้างติดเชื้อด้วย ส่วนผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ต้องหยุดการใส่ทันที

ซึ่งสาเหตุของโรคตาแดง อาจเกิดจาก

• เชื้อไวรัส
• เชื้อแบคทีเรีย
• การแพ้
• มีสารเคมีกระเด็นเข้าสู่ตา
• มีสิ่งแปลกปลอมในตา
• ท่อน้ำตาอุดตันในเด็กทารกแรกเกิด

แหล่งข้อมูล

1. เตือนระวังโรคตาแดง! เผยรอบ 8 ด.ผู้ป่วยพุ่งสูงกว่า 1.15 แสนราย [2014, September 22].
[2014, September 22]. 2. Pink eye (conjunctivitis).