ดูทีวี ส่งผลเสียต่อเด็กหรือไม่ ดูแลลูกอย่างไรดี

แม้การดูทีวีหรือดูวิดีโอผ่านอุปกรณ์ดิจิทัลต่าง ๆ จะช่วยเปิดโลกกว้างให้เด็กได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ มากมาย รวมทั้งอาจสร้างแรงบันดาลใจและมีอิทธิพลต่อเด็กจากการได้เห็นตัวอย่างที่ดี แต่เนื้อหาที่ปรากฏในทีวีและบนอินเตอร์เน็ตนั้น ก็มีบางส่วนที่ไม่เหมาะสมต่อเด็กและเยาวชนเช่นกัน ซึ่งล้วนส่งผลต่อความคิดและพฤติกรรมของเด็กได้ ทั้งยังอาจมีผลกระทบต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตได้ด้วย โดยพ่อแม่ที่กังวลเกี่ยวกับพฤติกรรมติดทีวีของลูกน้อย สามารถศึกษาวิธีป้องกันและแนวทางการแก้ไขได้จากบทความนี้

1793 ดูทีวี rs (1)

ผลกระทบจากการดูทีวี

มีงานวิจัยที่พบว่า เนื้อหาบางประเภทในทีวี โดยเฉพาะเนื้อหาที่มีความรุนแรง อาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็กเล็กได้ และยิ่งใช้เวลาในการดูทีวีมากเท่าไรก็ยิ่งส่งผลเสียมากขึ้นเท่านั้น

โดยผลกระทบที่เด็กอาจได้รับจากการดูทีวีหรือสื่อดิจิทัลต่าง ๆ มีดังนี้

พ่อแม่ควรให้ลูกดูทีวีบ่อยแค่ไหน ?

แม้การดูทีวีอาจมีประโยชน์ในการช่วยเปิดโลกกว้างให้เด็ก แต่การดูทีวีมากเกินไปย่อมส่งผลเสียมากกว่าผลดี โดยสถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งสหรัฐอเมริกาแนะนำให้พ่อแม่จำกัดช่วงเวลาในการดูทีวีของเด็กแต่ละช่วงวัย ได้แก่ ทารกที่มีอายุไม่เกิน 18 เดือน ยังไม่ควรเริ่มดูทีวีหรือใช้สื่อดิจิทัลต่าง ๆ ยกเว้นว่าเป็นการพูดคุยสื่อสารกันทางวิดีโอที่มีการโต้ตอบกันกับพ่อแม่หรือคนใกล้ชิด เด็กที่มีอายุ 18-24 เดือนอาจดูทีวีได้บ้าง และเด็กก่อนวัยเรียนที่มีอายุ 2-5 ปี ควรดูทีวีเพียงวันละไม่เกิน 1 ชั่วโมง

ทั้งนี้ แม้เด็กจะโตขึ้นแล้ว พ่อแม่ก็ควรจำกัดเวลาการดูทีวีในแต่ละวันไม่ให้มากเกินพอดี รวมทั้งจำกัดเวลาในการเล่นวิดีโอเกม การดูวิดีโอบนอุปกรณ์อื่น ๆ และการใช้สื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ซึ่งพ่อแม่ควรนั่งดูอยู่ข้าง ๆ เด็กเพื่ออธิบายให้เด็กเกิดการเรียนรู้ไปด้วยเสมอ และคอยเตือนไม่ให้เด็กทำตามหากมีตัวละครหรือตัวการ์ตูนที่ทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม

ฝึกวินัยในการดูทีวีให้ลูกอย่างไรดี ?

พ่อแม่ไม่จำเป็นต้องห้ามเด็กดูทีวีหรือเล่นโทรศัพท์ เพราะหากเลือกใช้ให้เหมาะสม สื่อเหล่านี้ก็มีประโยชน์ต่อลูกไม่น้อย ดังนั้น พ่อแม่ควรฝึกให้ลูกดูทีวีเท่าที่จำเป็น และเน้นทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ โดยทำตามคำแนะนำต่อไปนี้

กำหนดเวลาการดูทีวีในแต่ละวัน

ควรกำหนดระยะเวลาในการดูทีวีให้ชัดเจน ว่าดูได้นานแค่ไหน ดูเมื่อไร และควรดูรายการทีวีประเภทไหน โดยไม่ควรเปิดดูทีวีในระหว่างรับประทานอาหารเย็นและช่วงก่อนนอน แต่ควรใช้เวลาทำกิจกรรมอย่างอื่นร่วมกันภายในครอบครัว เช่น เล่นเกมตัวต่อ ต่อจิ๊กซอว์ เล่นบอร์ดเกม หรือให้เด็กช่วยเตรียมอาหารเย็น เป็นต้น

ทำให้การดูทีวีเป็นเรื่องยากสำหรับเด็ก

ควรวางทีวีไว้ให้ห่างจากจุดสนใจให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยอาจวางทีวีไว้ในตู้เก็บของและเปิดให้เด็กดูในช่วงสุดสัปดาห์เท่านั้น นำรีโมททีวีไปซ่อน วางทีวีไว้ที่ชั้นบนของบ้าน และไม่ควรมีทีวีอยู่ในห้องนอนของเด็ก เพราะจะทำให้เด็กเปิดดูได้ทุกเมื่อและเสี่ยงติดการดูทีวีได้สูง

เลือกเปิดรายการที่เหมาะสม

เลือกรายการทีวี เกม ภาพยนตร์ ละคร หรือแอปพลิเคชั่นใด ๆ ก็ตามที่เหมาะสมกับเด็กและครอบครัว ซึ่งอาจพิจารณาโดยอ่านคำวิจารณ์จากผู้ชมคนอื่น ดูตัวอย่าง หรือทดลองดูเองก่อนเปิดให้เด็กดูพร้อมกัน

เลือกดูเฉพาะบางรายการ

พ่อแม่อาจเลือกรายการที่จะดูไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วเปิดทีวีเมื่อถึงเวลา หรืออัดเทปรายการนั้น ๆ ไว้สำหรับเปิดดูในเวลาที่ต้องการ เมื่อรายการจบแล้วก็ปิดทีวี เพื่อไม่ให้เด็กดูทีวีเพียงเพราะรู้สึกเบื่อ และไม่เปิดทีวีไปเรื่อย ๆ เพราะจะทำให้ระยะเวลาในการดูทีวียาวนานขึ้น

นั่งดูไปพร้อม ๆ กับเด็ก

ผู้ปกครองควรนั่งข้าง ๆ เด็กเพื่อดูทีวีหรือสื่อใด ๆ ก็ตามไปพร้อมกัน เพื่อให้แน่ใจว่ารายการที่ดูนั้นเหมาะสมและไม่มีเนื้อหาที่รุนแรง ทั้งยังช่วยให้มีเรื่องชวนเด็ก ๆ คุยเกี่ยวกับรายการที่ดู ทำให้เด็กได้สื่อสารในขณะที่ดูรายการต่าง ๆ ไปด้วย

ปิดทีวีเมื่อเด็กทำกิจกรรมอื่น ๆ หรือเล่นกับเพื่อน

พ่อแม่ควรงดให้ลูกดูทีวีในขณะที่เด็กเล่นกับเพื่อนหรือทำกิจกรรมอื่น ๆ อยู่ เพื่อให้เด็กจดจ่อกับกิจกรรมตรงหน้า และให้เด็กได้มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนอย่างแท้จริง

เป็นตัวอย่างที่ดี

พ่อแม่และผู้ใหญ่ในบ้านควรทำตามข้อตกลงเหมือน ๆ กัน เพื่อเป็นตัวอย่างให้เด็กปฏิบัติตาม โดยปิดทีวีเมื่อไม่ได้ดู หรือวางโทรศัพท์ลงในระหว่างที่ใช้เวลาร่วมกับครอบครัว

หากิจกรรมอื่น ๆ ให้เด็กทำ

เด็กอาจเลิกติดทีวีเมื่อมีกิจกรรมอื่นที่ดึงดูดความสนใจมากกว่า เช่น การเล่นกีฬา การอ่านหนังสือการ์ตูน การเข้าชมรมต่าง ๆ เป็นต้น โดยอาจพาเด็กไปเข้าร่วมกิจกรรมที่หลากหลาย แล้วสังเกตดูว่าเด็กรู้สึกสนุกและสนใจกิจกรรมใดมากที่สุด นอกจากนี้ เด็ก ๆ มักรอคอยที่จะพบเพื่อนเพื่อเล่นสนุกด้วยกัน จึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะทำให้เด็กหันมาสนใจกิจกรรมอื่น ๆ มากกว่าการดูทีวี