จันทน์เทศ สรรพคุณและประโยชน์ของต้นจันทน์เทศ ลูกจันทน์ 54 ข้อ

จันทน์เทศ

จันทน์เทศ ชื่อสามัญ Nutmeg[1],[2]

จันทน์เทศ ชื่อวิทยาศาสตร์ Myristica fragrans Houtt. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Myristica officinalis L. f.[5], Myristica aromatica Lam.[11], Myristica moschata Thunb.[11]) จัดอยู่ในวงศ์จันทน์เทศ (MYRISTICACEAE)[1],[2]

สมุนไพรจันทน์เทศ มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า จันทน์บ้าน (ภาคเหนือ, เงี้ยว-ภาคเหนือ), โย่วโต้วโค่ว โร่วโต้วโค่ว (จีนกลาง), เหน็กเต่าโข่ว (จีนแต้จิ๋ว) ปาลา (มาเลเซีย) เป็นต้น[1],[2],[3],[11],[17]

ลักษณะของจันทน์เทศ

ต้นจันทน์เทศ

ใบจันทน์เทศ

ดอกจันทน์เทศ

ผลจันทน์เทศ

ผลจันทน์บ้าน

ลูกจันทน์เทศ

รูปจันทน์เทศ

ลูกจันทน์

ดอกจันทน์

สรรพคุณของจันทน์เทศ

  1. ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด) และลูกจันทน์ (เมล็ด) มีรสเผ็ดร้อนและมีกลิ่นหอม เป็นยาร้อนเล็กน้อย โดยออกฤทธิ์ต่อลำไส้และม้าม ใช้เป็นยาทำให้ธาตุและร่างกายอบอุ่น (ลูกจันทน์ (เมล็ด), ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))[3]
  2. ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย แก้ธาตุอ่อน (ลูกจันทน์ (เมล็ด), ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))[3],[5],[12]
  3. ช่วยแก้ธาตุพิการ (ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด)[1], ลูกจันทน์ (เมล็ด)[2],[12]) ส่วนตำรับยาจีนระบุว่าให้ใช้จันทน์เทศที่เป็นยาแห้ง 10 กรัม, เนื้อหมากแห้ง 10 กรัม, ดอกคังวู้ 15 กรัม นำมาบดเป็นผง แล้วทำเป็นยาลูกกลอนขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียว ใช้รับประทานครั้งละ 10-20 เม็ด วันละ 3 ครั้ง[3]
  4. ลูกจันทน์ (เมล็ด) มีรสหอมออกฝาด เป็นยาบำรุงโลหิต (ลูกจันทน์ (เมล็ด))[1],[5],[10],[12],[16] ส่วนอีกตำราหนึ่งก็ระบุว่าดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด) ก็มีสรรพคุณบำรุงโลหิตเช่นกัน (ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))[2],[10],[12],[16]
  5. ช่วยกระจายเลือดลม (ลูกจันทน์ (เมล็ด), ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))[8],[16]
  6. ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด) มีรสเผ็ดร้อน เป็นยาบำรุงกำลัง (ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))[1],[5],[16] ส่วนอีกตำราหนึ่งก็ระบุว่าลูกจันทน์ (เมล็ด) ก็มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงกำลังเช่นกัน (ลูกจันทน์ (เมล็ด))[2],[5],[12],[16]
  7. ช่วยบำรุงหัวใจ (ลูกจันทน์ (เมล็ด), ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))[8],[16]
  8. ช่วยทำให้เจริญอาหาร แก้อาการเบื่ออาหาร (ลูกจันทน์ (เมล็ด))[4],[8],[16],[17] บ้างระบุว่ารกหุ้มเมล็ดก็ช่วยทำให้เจริญอาหารเช่นกัน (ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))[8],[16]
  9. ลูกจันทน์ช่วยทำให้นอนหลับได้และนอนหลับสบาย (ลูกจันทน์ (เมล็ด))[22]
  10. ช่วยแก้อาการหอบหืด (เข้าใจว่าต้องใช้ผสมกับตัวยาอื่นด้วย) (ลูกจันทน์ (เมล็ด), ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))[20]
  1. ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ (ลูกจันทน์ (เมล็ด), ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))[8],[16]
  2. ช่วยแก้ดีซ่าน (ลูกจันทน์ (เมล็ด), ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))[16]
  3. แก่นจันทน์เทศเป็นยาลดไข้ แก้ไข้ แก้ไข้ดีเดือด ไข้ที่เกิดจากไวรัส (แก่น)[1],[2],[4],[12],[22] บ้างระบุว่าลูกจันทน์ (เมล็ด) หรือดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด) ก็มีสรรพคุณเป็นยาแก้ไข้เช่นกัน[8]
  4. ช่วยแก้อาการร้อนใน ช่วยทำให้ชุ่มคอ แก้อาการกระหายน้ำ (ลูกจันทน์ (เมล็ด), ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))[8],[16]
  5. ช่วยแก้อาการกระสับกระส่าย ตาลอย (แก่น)[12],[22]
  6. ช่วยแก้เลือดกำเดาไหลออก (ลูกจันทน์ (เมล็ด), ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))[8],[16]
  7. ช่วยขับเสมหะ (ลูกจันทน์ (เมล็ด), ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))[8],[12],[16]
  8. ช่วยแก้อาการคลื่นไส้อาเจียน (ลูกจันทน์ (เมล็ด), ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))[3],[17] แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน อันเกิดจากธาตุไม่ปกติ โดยใช้ดอกจันทน์ (รก) ประมาณ 3-5 อัน นำมาต้มกับน้ำพอประมาณ แล้วเคี่ยวจนเหลือ 1 ใน 3 ใช้ดื่มเป็นยา (ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))[5]
  9. ช่วยแก้อาการสะอึก (ผล, ลูกจันทน์ (เมล็ด))[13]
  10. ช่วยแก้ลม ขับลม โดยใช้ดอกจันทน์ (รก) นำมาบดให้เป็นผงละเอียด ใช้ชงกับน้ำดื่มครั้งเดียว วันละ 2 ครั้ง ติดต่อกันประมาณ 2-3 วัน (ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด)[1],[3],[4],[5],[8],[10],[12],[16], ลูกจันทน์ (เมล็ด)[2],[3],[4],[8],[12],[16], ผล[4], เนื้อผล[10], ราก[4])
  11. ช่วยแก้ลมจุกเสียดแน่นท้อง (ลูกจันทน์ (เมล็ด))[10],[16],[17], ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด)[12],[16])
  12. ช่วยในการย่อยอาหาร (ลูกจันทน์ (เมล็ด), ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))[3]
  13. ช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ โดยใช้ดอกจันทน์ (รก) นำมาบดให้เป็นผงละเอียด ใช้ชงกับน้ำดื่มครั้งเดียว วันละ 2 ครั้ง ติดต่อกันประมาณ 2-3 วัน (ลูกจันทน์ (เมล็ด), ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))[3],[4],[5],[7]
  14. ช่วยแก้อาการท้องเสียอันเนื่องมาจากธาตุเย็นพร่อง (ลูกจันทน์ (เมล็ด), ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))[3],[7]
  15. ตามตำราการแพทย์แผนจีน ลูกจันทน์มีรสเผ็ดและอุ่น มีฤทธิ์ให้ความอบอุ่นแก่กระเพาะอาหาร ทำให้ชี่หมุนเวียนได้ดี ช่วยแก้อาการปวดกระเพาะอาหาร ช่วยระงับอาการท้องร่วง แก้อาการท้องร่วงเรื้อรัง อันเนื่องมาจากม้ามและไตพร่องและเย็นเกินไป และมีฤทธิ์ในการสมานลำไส้ (ลูกจันทน์ (เมล็ด))[17]
  16. เปลือกเมล็ดมีรสฝาดมันหอม ช่วยแก้ท้องขึ้น แก้อาการปวดท้อง (เปลือกเมล็ด)[1]
  17. ช่วยแก้อาการท้องร่วง (ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด)[1],[5],[8], ลูกจันทน์ (เมล็ด)[2],[5],[8],[12])
  18. ช่วยแก้บิด (เนื้อผล)[10] แก้บิดมูกเลือด (ลูกจันทน์ (เมล็ด))[12]
  19. ใช้เป็นยาสมานลำไส้ กระเพาะและลำไส้ไม่มีแรง หรือขับถ่ายบ่อย ให้ใช้ลูกจันทน์ 1 ลูกและยูเฮีย 5 กรัมบดเป็นผง ใช้รับประทานครั้งละ 3 กรัม ถ้าเป็นเด็กให้รับประทานครั้งละ 1 กรัม (ลูกจันทน์ (เมล็ด))[3]
  20. ช่วยแก้อาการท้องมาน บวมน้ำ โดยในตำรับยาจีนระบุว่าให้ใช้จันทน์เทศที่เป็นยาแห้ง 10 กรัม, เนื้อหมากแห้ง 10 กรัม, ดอกคังวู้ 15 กรัม นำมาบดเป็นผง แล้วทำเป็นยาลูกกลอนขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียว ใช้รับประทานครั้งละ 10-20 เม็ด วันละ 3 ครั้ง[3]
  21. ช่วยแก้อาการปวดมดลูก (ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด)[1],[5],[16], ลูกจันทน์ (เมล็ด)[2],[5],[12],[16])
  22. ช่วยในการคุมกำเนิด (ผล, ลูกจันทน์ (เมล็ด))[13]
  23. แก่นช่วยบำรุงตับและปอด (แก่น)[1],[2],[4] บ้างระบุว่าเมล็ดและรกก็มีสรรพคุณบำรุงปอดและตับเช่นกัน (ลูกจันทน์ (เมล็ด), ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))[8],[16]
  24. ช่วยแก้ตับพิการ (ลูกจันทน์ (เมล็ด), ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))[16]
  25. ช่วยบำรุงน้ำดี (ลูกจันทน์ (เมล็ด), ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))[8],[16]
  26. ช่วยรักษาม้ามหรือไตพิการ ด้วยการใช้ลูกจันทน์หรือดอกจันทน์, ขิงสด 8 กรัม, พุทราจีน 8 ผล, โป๋วกุ๊กจี 10 กรัม, อู่เว้ยจื่อ 10 กรัม, อู๋จูหวี 10 กรัม โดยนำทั้งหมดมารวมกันแล้วต้มกับน้ำเป็นยารับประทาน (ลูกจันทน์ (เมล็ด), ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))[3]
  27. ช่วยสมานบาดแผลภายใน (เปลือกเมล็ด)[1]
  28. ช่วยแก้ผื่นคัน (ลูกจันทน์ (เมล็ด), ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))[8],[16]
  29. ช่วยบำรุงผิวหนัง บำรุงผิวหนังให้สวยงาม (ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))[10],[12] ช่วยบำรุงผิวเนื้อให้เจริญ (ลูกจันทน์ (เมล็ด), ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))[5]
  30. น้ำมันระเหยง่ายใช้เป็นส่วนผสมของขี้ผึ้งที่นำมาใช้ทาระงับอาการปวด ใช้เป็นยาขับประจำเดือน ทำให้แท้ง และทำให้ประสาทหลอน ส่วนในประเทศอินโดนีเซียใช้เป็นยาบำรุงธาตุในร่างกาย แก้อาการปวดข้อ กระดูก[5]
  31. ตามตำราเภสัชกรรมล้านนา จะใช้จันทน์เทศเป็นส่วนประกอบในตำรับยามะเร็งครุดและยาเจ็บหัว[5]
  32. ผลจันทน์เทศจัดอยู่ในตำรับยา “พิกัดตรีพิษจักร” ซึ่งเป็นตำรับยาที่ประกอบไปด้วยตัวยา 3 ชนิด ได้แก่ ผลจันทน์เทศ กานพลู และผลผักชีล้อม โดยเป็นตำรับยาที่ช่วยบำรุงโลหิต แก้ธาตุพิการ แก้พิษเลือด แก้ลม (ผล)[5]
  33. ผลจันทน์เทศจัดอยู่ในตำรับยา “พิกัดตรีคันธวาต” ซึ่งเป็นตำรับยาที่ประกอบไปด้วยตัวยา 3 ชนิด ได้แก่ ผลจันทน์เทศ กานพลู และผลเร่วใหญ่ โดยเป็นตำรับยาที่แก้ธาตุพิการ แก้ไข้อันเกิดแต่ดี แต่แก้อาการจุกเสียด (ผล)[5]
  34. ดอกจันทน์มีปรากฏอยู่ในตำรับ “ยาหอมเทพจิตร” และตำรับ “ยาหอมนวโกฐ” ซึ่งเป็นตำรับยาที่มีส่วนประกอบของดอกจันทน์ (รก) ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ อีกในตำรับ โดยเป็นตำรับยาที่ช่วยแก้ลมวิงเวียน แก้อาการหน้ามืดตาลาย มีอาการใจสั่น คลื่นเหียน อาเจียน และช่วยแก้ลมจุกแน่นในท้อง (ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))[5]
  35. ดอกจันทน์ยังปรากฏอยู่ในตำรับ “ยาธาตุบรรจบ” ซึ่งเป็นตำรับยาที่มีส่วนประกอบของดอกจันทน์ (รก) ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ อีกในตำรับ โดยเป็นตำรับยาที่ช่วยบรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ (ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))[5]
  36. แก่นจันทน์เทศจัดอยู่ในตำรับยา “พิกัดจันทน์ทั้งห้า” (ประกอบไปด้วย แก่นจันทน์เทศ, แก่นจันทน์ขาว, แก่นจันทน์แดง (แก่นจันน์ผา), แก่นจันทน์ทนา, แก่นจันทน์ชะมด) ซึ่งเป็นตำรับยาที่มีสรรพคุณแก้ไข้เพื่อโลหิตและดี แก้อาการร้อนในกระหายน้ำ บำรุงหัวใจ บำรุงปอด บำรุงตับ และช่วยแก้พยาธิบาดแผล (แก่น)[15]

วิธีใช้สมุนไพรจันทน์เทศ

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของจันทน์เทศ

ประโยชน์ของจันทน์เทศ

  1. ลูกจันทน์ (เมล็ด) และดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด) มีรสและกลิ่นคล้ายกัน สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องเทศเพื่อช่วยแต่งกลิ่นอาหารได้ โดยเฉพาะดอกจันทน์จะมีเนื้อหนา ใช้เป็นได้ทั้งเครื่องเทศและเครื่องปรุง ให้ลิ่นรสที่นุ่มนวลกว่าแบบเมล็ด[2],[4],[15] ชาวอาหรับนิยมนำมาใส่อาหารประเภทเนื้อแพะหรือเนื้อแกะ ส่วนทางยุโรปจะใช้ใส่อาหารทั้งคาวและหวาน ส่วนชาวดัตซ์นำมาใส่ในแมสโปเตโต้ สตู กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี ฟรุตพุดดิ้ง ฯลฯ ชาวอิตาลีจะนำมาใส่ในอาหารจานผักรวม ไส้กรอก เนื้อลูกวัว และพาสต้า สำหรับอาหารทั่วไปของชนชาติในหลาย ๆ ชาติที่ใส่ทั้งลูกจันทน์และดอกจันทน์ก็ได้แก่ เค้กผลไม้ เค้กน้ำผึ้ง ฟรุตพันช์ ฟรุตเดสเสิร์ต พายเนื้อ ประเภทอาหารจานไข่และชีส ส่วนเมล็ดลูกจันทน์บดเป็นผง ก็จะนำมาใช้โรยหน้าเพื่อให้มีกลิ่นหอมกับขนมปัง บัตเตอร์ พุดดิง ช็อกโกแลตร้อน เป็นต้น[16] และทางภาคใต้ของบ้านเราจะใช้เนื้อผลสดกินเป็นของขบเคี้ยวร่วมกับน้ำปลาหวานหรือพริกเกลือ มีรสออกเผ็ดและฉุนจัดสำหรับผู้ไม่เคยกิน แต่เมื่อคุ้นเคยแล้วจะติดรส[19]
  2. น้ำมันลูกจันทน์ (Nutmeg oil or myristica oil) ที่ได้จากการกลั่นลูกจันทน์ด้วยไอน้ำ สามารถนำมาไปใช้แต่งกลิ่นผงซักฟอก ยาชะล้าง สบู่ น้ำหอม ครีมและโลชันบำรุงผิวได้[7] หรือเอาเมล็ดมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย นำมาใช้ทำเป็นยาดม ใช้ดมแก้อาการหวัด แก้อาการวิงเวียนหน้ามืดตาลาย[8],[16]
  3. ลูกจันทน์และดอกจันทน์ สามารถนำมาใช้ในการปรุงอาหาร โดยนำไปผสมกับขนมปัง เนย แฮม ไส้กรอก เบคอน เนื้อตุ๋นต่าง ๆ แกงกะหรี่ แกงมัสมั่น น้ำพริกสำเร็จรูป หรือนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ เพื่อช่วยในการถนอมอาหาร ส่วนเนื้อผลของจันทน์เทศก็สามารถนำไปทำเป็นอาหารได้หลากหลายรูปแบบ แต่ยังไม่เป็นที่แพร่หลายหรือรู้จักกันมากนัก เพราะการเอาไปแปรรูปยังมีไม่มาก อีกทั้งรสชาติก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร โดยผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเนื้อผลจันทน์เทศจะพบได้มากในประเทศอินโดนีเซีย[14] และสำหรับในส่วนของเมล็ด ชาวบ้านจะนำเมล็ดที่แห้งแล้วมาขูดผิวออก ก่อนนำมาใช้ก็กะเทาะเอาเปลือกออก แล้วเอาเนื้อในเมล็ดมาทุบให้แตกกระจาย คั่วให้หอม แล้วป่นเป็นผงใส่แกงคั่ว ทั้งแบบคั่วไก่ คั่วหมู คั่วเนื้อ หรือใส่ในแกงกะหรี่ ข้าวหมกไก่ เป็นต้น[16]
  4. ลูกจันทน์เป็นผลไม้ที่มีรสชาติแปลก คือ มีรสหวาน ร้อน สามารถนำมาตากแห้งใช้ทำเป็นลูกจันกรอบ หรือนำมาเชื่อมกับน้ำตาลก็จะมีกลิ่นหอมหวานน่ารับประทาน ส่วนเนื้อหุ้มเมล็ดก็สามารถนำมาบริโภคได้เช่นกัน โดยนำมาทำเป็นจันทน์ฝอย จันทน์เทศเส้น จันทน์ดอง จันทน์เทศแช่อิ่ม จันทน์เทศหยี เนื้อจันทน์เทศตากแห้ง แยมจันทน์เทศ ฯลฯ[10],[14],[16]
  5. เนื้อผลแก่นิยมนำไปแปรรูปทำเป็นของขบเคี้ยว มีรสหอมสดชื่น หวานชุ่มคอ เผ็ดแบบเป็นธรรมชาติ และช่วยขับลม แก้บิด[8]
  6. เนื้อไม้มีกลิ่นหอม สามารถนำมาใช้ทำเครื่องร่ำ น้ำอบไทย หรือใช้ทำเครื่องหอมต่าง ๆ ได้[20] บ้างว่าใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ชั้นดี เพราะป้องกันมดปลวกได้ดีเยี่ยม
  7. ปัจจุบันได้มีการนำจันทน์เทศไปแปรรูปเป็นอาหารกระป๋อง ลูกอมลูกกวาด เครื่องหอมต่าง ๆ ทำเครื่องสำอาง สบู่ ยาสระผม สุรา ฯลฯ ซึ่งอเมริกามีการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก[8],[14]
  8. น้ำมันลูกจันทน์และน้ำมันดอกจันทน์มีฤทธิ์ในการฆ่าลูกน้ำและตัวอ่อนของแมลงได้[21]

ข้อควรระวังในการใช้สมุนไพรจันทน์เทศ

เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1.  “จันทน์เทศ (Chan Tet)”.  (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์).  หน้า 90.
  2. หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ.  “จันทน์เทศ Nutmeg tree”.  (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล).  หน้า 148.
  3. หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย.  “จันทน์เทศ”.  (วิทยา บุญวรพัฒน์).  หน้า 180.
  4. สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี.  “จันทน์เทศ”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th/plants_data/herbs/.  [24 ก.พ. 2014].
  5. ฐานข้อมูลเครื่องยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.  “ดอกจันทน์”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.thaicrudedrug.com.  [24 ก.พ. 2014].
  6. สาขาพืชผัก, มหาวิทยาลัยแม่โจ้.  “จันทร์เทศ”.  อ้างอิงใน: กรมส่งเสริมการเกษตร.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.agric-prod.mju.ac.th/web-veg.  [24 ก.พ. 2014].
  7. กรีนไฮเปอร์มาร์ท สารานุกรมผลิตผลและผลิตภัณฑ์จากพืชในซุปเปอร์มาร์เก็ต, คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.  “จันทน์เทศ”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.sc.mahidol.ac.th/wiki/.  [24 ก.พ. 2014].
  8. ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม.  “จันทน์เทศ”.  อ้างอิงใน: หนังสือพรรณไม้เกียรติประวัติของไทย.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.qsbg.org.  [24 ก.พ. 2014].
  9. ฐานข้อมูลพืชพิษ, สถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข.  “จันทน์เทศ”.  อ้างอิงใน: หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์), หนังสือตำราสมุนไพรใกล้ตัว เล่ม 6 ว่าด้วยสมุนไพรที่เป็นพิษ (สมพร (ภ) หิรัญรามเดช), เอกสารข้อมูลการวิจัยสมุนไพรไทย (วันทนา งามวัฒน์, นาถฤดี สิทธิสมวงศ์ และสุทธิพงษ์ ปัญญาวงศ์).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: webdb.dmsc.moph.go.th/poison/.  [24 ก.พ. 2014].
  10. บทความวิทยุรายการสาระความรู้ทางการเกษตร, งานศูนย์บริการวิชาการและฝึกอบรม ฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ, คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่.  “ลูกจัน/จันทน์เทศ”.  (ดวงจันทร์ เกรียงสุวรรณ).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: natres.psu.ac.th.  [24 ก.พ. 2014].
  11. ฝ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว). กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.  “จันทน์เทศ”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.tistr.or.th/pharma/.  [24 ก.พ. 2014].
  12. ศูนย์รวมข้อมูลสิ่งมีชีวิตในประเทศไทย, สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน).  “จันทน์เทศ, Nutmeg Tree”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.thaibiodiversity.org.  [24 ก.พ. 2014].
  13. กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข.  เอกสารวิชาการสมุนไพร.  นนทบุรี: สถาบันวิจัยสมุนไพร, 2543.
  14. ระบบข้อมูลทางวิชาการ, กรมวิชาการเกษตร.  “จันทน์เทศ”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: it.doa.go.th/vichakan/.  [24 ก.พ. 2014].
  15. ฐานข้อมูลเครื่องยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.  “จันทน์แดง”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.thaicrudedrug.com.  [24 ก.พ. 2014].
  16. ครัว นิตยสารอาหารและวัฒนธรรม ปีที่ 10 ฉบับที่ 113.  (อาจารย์นิดดา หงษ์วิวัฒน์).
  17. สถาบันการแพทย์ไทย-จีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้.  “เหน็กเต่าโข่ว”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: tcm.dtam.moph.go.th.  [24 ก.พ. 2014].
  18. การประชุมทางวิชาการของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ครั้งที่ 49.  “ผลของแอลลีโลพาธีของพืชสมุนไพร 6 ชนิดต่อการงอกและการเจริญเติบโตของถั่วเขียวผิวดำ”.  (ศานิต สวัสดิกาญจน์).
  19. วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี.  “จันทน์เทศ”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: th.wikipedia.org.  [24 ก.พ. 2014].
  20. ไทยเกษตรศาสตร์.  “พันธุ์ไม้หอมที่มีสรรพคุณทางยาสมุนไพร”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.thaikasetsart.com.  [24 ก.พ. 2014].
  21. ไทยเกษตรศาสตร์.  “จันทน์เทศ”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.thaikasetsart.com.  [24 ก.พ. 2014].
  22. บทความวิทยุรายการสาระความรู้ทางการเกษตร, งานศูนย์บริการวิชาการและฝึกอบรม ฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ, คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่.  “จำปาและจันทร์เทศ”.  (ดวงจันทร์ เกรียงสุวรรณ).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: natres.psu.ac.th.  [24 ก.พ. 2014].
  23. ย่อยข่าวงานวิจัย, หน่วยบริการฐานข้อมูลสมุนไพร สำนักงานข้อมูลสมุนไพร, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.  “ฤทธิ์ต้านชักของน้ำมันจันทน์เทศ”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.medplant.mahidol.ac.th.  [24 ก.พ. 2014].
  24. ย่อยข่าวงานวิจัย, หน่วยบริการฐานข้อมูลสมุนไพร สำนักงานข้อมูลสมุนไพร, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.  “ผลยับยั้งการสร้าง melanin ของสาร macelignan จากจันทน์เทศ”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.medplant.mahidol.ac.th.  [24 ก.พ. 2014].

ภาพประกอบ : www.flickr.com (by Ahmad Fuad Morad, planetphoton, vijayasankar, Donald Fleming, Hidden Botanicals, 阿橋花譜 KHQ Flowers, Teo Siyang) www.thaicrudedrug.com (by Sudarat Himhual)

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ()

  • 1 จันทน์เทศ
  • 2 ลักษณะของจันทน์เทศ
  • 3 สรรพคุณของจันทน์เทศ
  • 4 วิธีใช้สมุนไพรจันทน์เทศ
  • 5 ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของจันทน์เทศ
  • 6 ประโยชน์ของจันทน์เทศ
  • 7 ข้อควรระวังในการใช้สมุนไพรจันทน์เทศ
  • 8 เอกสารอ้างอิง
เรื่องที่น่าสนใจ