on
จอประสาทตาหลุดลอก (ตอนที่ 2)
2 เมษายน 2018
ผู้ที่มีความเสี่ยงในการที่จอประสาทตาหลุดลอก (ต่อ)
- เคยเป็นต้อกระจก (Cataract) ต้อหิน (Glaucoma) หรือ มีการผ่าตัดตามาก่อน
- กินยารักษาต้อหิน เช่น ยา Pilocarpine ที่ทำให้รูม่านตาเล็ก
- ได้รับบาดเจ็บที่ตาอย่างรุนแรง
- เคยมีจอประสาทตาหลุดลอกมาก่อน
- มีคนในครอบครัวมีประวัติจอประสาทตาหลุดลอก
- บริเวณจอตาอ่อนแอ
- เป็นโรคตาหรือตาผิดปกติ เช่น โรคพันธุกรรม Retinoschisis ม่านตาอักเสบ (Uveitis) เป็นต้น
ทั้งนี้ หากมีลักษณะความเสี่ยงดังกล่าว ควรทำการตรวจตาเป็นประจำและควรใส่แว่นตาป้องกันเมื่อเล่นกีฬาหรือทำกิจกรรมที่รุนแรง
เมื่อจอประสาทตาหลุดลอกจะไม่มีอาการปวดเจ็บ แต่อาการโดยทั่วไป ได้แก่
- ตะกอนในน้ำวุ้นตามีขนาดและปริมาณมากขึ้น
- มีแสงวาบในตาคล้ายฟ้าแลบหรือหิ่งห้อย
- มีเงาปรากฏที่ด้านข้างของตาหรือเส้นรอบวงของตา
- มองเห็นเป็นม่านเทาๆ เคลื่อนไหวอยู่ในตา
- การมองเห็นลดลงอย่างฉับพลัน
จักษุแพทย์สามารถวินิจฉัยว่า จอประสาทตาหลุดลอกได้ด้วยการ
- ตรวจจอตา (Retinal examination) ด้วยเครื่อง Ophthalmoscope เพื่อดูว่าจอตามีรู ฉีกขาด หรือหลุดลอก หรือไม่
- การตรวจอัลตราซาวด์ (Ultrasound imaging) กรณีที่มีเลือดออกในตาทำให้ดูจอตาไม่ได้
การรักษาจอประสาทตาสามารถทำได้ด้วยการผ่าตัด โดย
1. การผ่าตัดรักษากรณีจอประสาทตาฉีก (Torn retina surgery) ทำได้ด้วยการปิดส่วนที่ฉีกขาดด้วยรอยแผลเป็น ป้องกันไม่ให้ของเหลวไหลออกจากส่วนที่ฉีกขาดจนจอตาหลุดลอก
- การรักษาด้วยเลเซอร์ (Photocoagulation) เป็นการฉายแสงเลเซอร์ที่ก่อให้เกิดความร้อนขึ้น กลายเป็นแผลเป็น ปิดรูที่ฉีกขาด ป้องกันการหลุดลอก
- การรักษาด้วยความเย็น (Cryopexy) เป็นการใช้ความเย็นจี้บริเวณจอตาที่ฉีกขาดให้เป็นรอยแผลเป็น
แหล่งข้อมูล:
- Retinal Detachment: What Is a Torn or Detached Retina? [2018, April 1].
- Retinal detachment. [2018, April 1].
- What Is a Detached Retina? [2018, April 1].
- Facts About Retinal Detachment. [2018, April 1].