on
งีบกลางวันเสี่ยงเบาหวาน (ตอนที่ 13 และตอนจบ)
19 พฤศจิกายน 2015
• การเจาะน้ำตาลหลังอดอาหาร 8 ชั่วโมงหรือที่เรียกว่า Fasting blood sugar test (FBS) ค่าที่ได้จะแสดงความหมายดังนี้
- ค่าเท่ากับ 126 mg/dL (7 mmol/L) จะถือว่ามีภาวะเบาหวาน
- ค่าตั้งแต่ 100 - 125 mg/dL (5.6 - 6.9 mmol/L) จะเรียกว่ามีภาวะใกล้จะเป็นเบาหวาน
- ที่น้อยกว่า 100 mg/dL (5.6 mmol/L) ถือว่าปกติ
• การทดสอบความสามารถในการลดระดับกลูโคส (Oral glucose tolerance test = OGTT) เป็นการเจาะดูค่าน้ำตาลหลังการให้สารละลาย (Sugary liquid) 2 ชั่วโมงในตอนเช้า และจะทำการวัดค่า ค่าที่ได้จะแสดงความหมายดังนี้
- เท่ากับหรือมากกว่า 200 mg/dL (11.1 mmol/L) ถือว่ามีภาวะเบาหวาน
- ค่าอยู่ระหว่าง 140 - 199 mg/dL (7.8 mmol/L - 11.0 mmol/L) ถือว่ามีภาวะใกล้จะเป็นเบาหวาน
- น้อยกว่า 140 mg/dL (7.8 mmol/L) ถือว่าปกติ
• การเจาะน้ำตาลแบบสุ่ม (Random blood sugar test) เป็นการเจาะเลือดในเวลาใดก็ได้ โดยไม่เกี่ยวกับการงดอาหาร หากมีค่าเท่ากับหรือสูงกว่า 200 mg/dL (11.1 mmol/L) บวกกับอาการของโรคเบาหวาน เช่นปัสสาวะบ่อย หรือ กระหายน้ำมาก จะถือว่ามีภาวะเบาหวาน
ทั้งนี้ สิ่งที่บ่งบอกถึงความแตกต่างของโรคเบาหวานชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 ก็คือ โรคเบาหวานชนิดที่ 1 จะตรวจพบสารต่อต้านเซลล์ของตนเอง (Autoantibodies) ในเลือด และคีโตน (Ketones) ในปัสสาวะ
เพราะโรคเบาหวานสามารถก่อให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมาได้ เช่น โรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือด หัวใจ ประสาท ไต ปาก ตา และเท้า ทำให้ต้องมีการตัดอวัยวะออก (Amputation) โดยปัญหาที่สำคัญได้แก่ ปัญหาโรคหัวใจ เพราะเมื่อเป็นโรคเบาหวานแล้ว โอกาสในการเป็นโรคหัวใจจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า
ดังนั้น จึงมีคำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ดังนี้
- วางแผนในการตรวจสุขภาพกายและตรวจตาเป็นประจำทุกปี
- สร้างภูมิคุ้มกัน (Immunizations) เพราะเบาหวานอาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น การฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B vaccination) วัคซีนป้องกันปอดบวม (Pneumonia vaccine)
- ดูแลสุขภาพปากให้ดี ป้องกันการติดเชื้อที่เหงือก และวางแผนไปตรวจสุขภาพฟันกับทันตแพทย์
- ควบคุมระดับความดันโลหิตและคลอเรสเตอรอล ด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกาย
- เลิกสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่จะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคแทรกซ้อนมากขึ้น
- ควบคุมการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มผสมต่างอาจเป็นสาเหตุให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงได้
- ควบคุมหรือลดน้ำหนักให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
- พยายามผ่อนคลาย เพราะความเครียดจะทำให้ความดันโลหิตและน้ำตาลในเลือดสูง
แหล่งข้อมูล
1. Your Guide to Diabetes: Type 1 and Type 2. [2015, November 18].
2. Type 1 diabetes. [2015, November 18].
3. Type 2 diabetes.[2015, November 18].
4. Type 2 Diabetes Overview. [2015, November 18].