คิดหมกมุ่น (ตอนที่ 4)

10 ธันวาคม 2017

โดยปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคบีดีดี ได้แก่

• การมีญาติเป็นโรคบีดีดีหรือเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ
• มีประสบการณ์ชีวิตที่ติดลบ เช่น ในวัยเด็กถูกล้อเลียน ได้รับบาดเจ็บ
• มีนิสัยบางอย่าง เช่น เป็นพวกสมบูรณ์แบบ (Perfectionism)
• ได้รับแรงกดดันทางสังคมหรือความคาดหวังถึงเรื่องความสวยงาม
• มีความผิดปกติทางจิตอย่างอื่น เช่น โรควิตกกังวล หรือ โรคซึมเศร้าหดหู่

ส่วนอาการแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นอาจได้แก่

• ซึมเศร้าหดหู่หรือมีความผิดปกติด้านอารมณ์
• มีความคิดหรือพฤติกรรมที่จะฆ่าตัวตาย
• เป็นโรควิตกกังวล
• มีปัญหาเรื่องสุขภาพ เช่น การแกะผิวหนัง (Skin picking)
• โรคย้ำคิดย้ำทำ
• มีความผิดปกติในการกิน
• มีการเสพสารเสพติด (Substance abuse)

ยังไม่มีการป้องกันโรคบีดีดีที่แน่ชัด อย่างไรก็ดี เนื่องจากโรคนี้มักเริ่มเป็นในตอนเริ่มวัยรุ่น ดังนั้นการสังเกตและเริ่มการรักษาแต่เนิ่นๆ น่าจะช่วยได้ดี ส่วนการรักษาในระยะยาวอาจจะช่วยป้องกันไม่ให้อาการของโรคแย่ลงได้

การวิเคราะห์ดโรคบีดีดีโดยเบื้องต้นจะใช้

• การประเมินทางจิตวิทยาเกี่ยวกับปัจจัยความเสี่ยง ความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับทัศนะคติด้านลบที่มีต่อรูปลักษณ์ของตัวเอง
• ประวัติส่วนตัว สังคม ครอบครัว และประวัติทางการแพทย์
• การเทียบเงื่อนไขอาการกับ The Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders (DSM-5) ที่จัดทำโดย The American Psychiatric Association

สำหรับการรักษาจะเป็นการรักษาด้วยการให้ยาร่วมกับการปรับเปลี่ยนความคิด (Cognitive behavioral therapy) โดยปัจจุบัน FDA ยังไม่ได้มีการอนุมัติยาตัวใดในการรักษาโรคนี้เป็นการเฉพาะ ยาส่วนใหญ่ที่ใช้จึงเป็นยาที่ใช้รักษาโรคความผิดปกติทางจิต เช่น

• กลุ่มยา Selective serotonin reuptake inhibitors (SSRIs) เช่น ยา Fluoxetine ยา Fluvoxamine ยา Sertraline และ ยา Escitalopram
• ยา Neuroleptics
• ยา Trazodone
• ยา Lithium
• ยา Benzodiazepines
• ยากลุ่ม Monoamine oxidase inhibitors (MAOIs) - ในกรณีที่ยาตัวอื่นใช้ไม่ได้ผล

แหล่งข้อมูล:

1. Body Dysmorphic Disorder. [2017, December 8].
2. Body dysmorphic disorder. [2017, December 8].