on
คอบอลเสี่ยงโรคติดพนัน (ตอนที่ 3 และตอนจบ)
23 มิถุนายน 2014โรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการติดพนัน ได้แก่
- ปัญหาแอลกฮอล์และปัญหายาเสพติด
- วิตกกังวล
- ซึมเศร้าหดหู่
- มีปัญหาทางการเงิน สังคม และกฎหมาย (รวมถึงการล้มละลาย การหย่าร้าง การตกงาน ติดคุก)
- เป็นโรคหัวใจ (จากความเครียดและการตื่นเต้นในเกมพนัน)
- พยายามฆ่าตัวตาย
ทั้งนี้ อาการซึมเศร้าหดหู่เป็นอาการที่เกิดขึ้นร้อยละ 76 ของคนที่ติดพนัน นอกจากนี้คนที่ติดพนันยังมีโอกาสฆ่าตัวตายสูงด้วย เช่น ที่ลาสเวกัสมีสถิติคนที่ฆ่าตัวตายเป็นอันดับสูงของสหรัฐอเมริกา
การรักษาคนที่ติดพนันจะเริ่มได้เมื่อมีการรับรู้ถึงปัญหา เพราะคนที่ติดพนันมักจะปฏิเสธว่าเขามีปัญหาหรือมีความจำเป็นต้องเข้ารับการบำบัด ซึ่งส่วนใหญ่คนที่ติดพนันจะยอมรักษาตัวก็ต่อเมื่อได้รับแรงกดดันจากคนอื่น
เช่นเดียวกับการติดแอลกอฮอล์หรือการติดยา คนที่ติดการพนันจะมีความผิดปกติในระยะยาวซึ่งจะแย่ลงเรื่อยๆ หากไม่ได้รับการรักษา หรือแม้แต่รักษาแล้วก็ยังกลับไปติดได้อีก อย่างไรก็ดีถ้าได้รับการรักษาที่ถูกต้องก็อาจดีขึ้นได้
การรักษาอาจทำได้ 3 แบบ คือ
- จิตบำบัด (Psychotherapy) เช่น การบำบัดด้วยการรับรู้และพฤติกรรม (Cognitive behavioral therapy = CBT)
- การใช้ยารักษาอาการซึมเศร้าและรักษาอารมณ์ (Antidepressants and mood stabilizers)
- การเข้ากลุ่มช่วยเหลือตัวเอง (Self-help groups) เช่น Gamblers Anonymous
การบำบัดด้วยการรับรู้และพฤติกรรม (Cognitive behavioral therapy = CBT) ถือเป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลมากที่สุด ส่วนการป้องกันอาจทำได้โดยอยู่ให้ห่างไกลจากการพนัน และการแทรกแซงทันทีที่เริ่มเห็นอาการอาจจะช่วยป้องให้ไม่ให้ความผิดปกติแย่ลงไปอีก
การเอาชนะการติดพนันจะทำได้ยากหากยังมีความคิดว่า ตนเองจะชนะอีกครั้งในเกมหน้า ข้อเตือนใจเหล่านี้อาจช่วยได้
- บอกตัวเองว่า อย่างไรเสียการพนันก็เป็นสิ่งที่เสี่ยงมาก การเล่นเกมเดียวก็อาจทำให้เล่นเกมอื่นต่อไปได้เรื่อยๆ
- ขอแรงสนับสนุนจากคนรอบข้างให้คอยเตือนให้ทำตามแผนการรักษา
- ตั้งเป้าหมายที่จะทำสิ่งอื่น ซึ่งไม่ใช่การพนัน
- พยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่จะทำให้เกิดแรงกระตุ้นให้เล่นพนัน
แหล่งข้อมูล
1. Pathological gambling. [2014, June 22].
2. Pathologic Gambling. [2014, June 22].
3. Treatments and drugs. [2014, June 22].
4. Coping and support. [2014, June 22].