ขี้ทอนซิล (ตอนที่ 2 และตอนจบ)

2 มีนาคม 2016
ขี้ทอนซิล

ส่วนใหญ่ก้อนนิ่วทอนซิลจะประกอบไปด้วยแคลเซียม แต่ก็อาจมีสารอื่นประกอบด้วย เช่น ฟอสฟอรัส (Phosphorus) แมกเนเซียม (Magnesium) แอมโมเนีย (Ammonia) และคาร์บอเนต (Carbonate)

นิ่วทอนซิลทำให้มีความรู้สึกเหมือนมีอะไรติดคอ ก่อให้เกิดความรำคาญ แต่ไม่ได้เป็นอันตรายแต่อย่างใด นอกจากการเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะมีกลิ่นปาก (Halitosis) และอาจรู้สึกเจ็บขณะกลืน

หากเป็นนิ่วก้อนเล็กก็อาจไม่ปรากฏอาการแต่อย่างใด ส่วนนิ่วก้อนใหญ่อาจทำให้เกิดอาการหลายอย่าง เช่น

นอกจากนี้อาจมีความรู้สึกถึงรสของโลหะ (Metallic taste) แน่นคอ ไอกำเริบ (Coughing fits) และสำลัก (Choking)

รศ. นพ. ปารยะ ชี้แจงว่า ปัญหาขี้ไคลทอนซิลนั้นไม่สามารถป้องกันไม่ให้เกิดได้ พฤติกรรมการรับประทานอาหาร รวมทั้งโรคกรดไหลย้อนไม่ได้มีส่วนที่ทำให้เกิดโรคนี้ แต่ผู้ป่วยอาจสังเกตเองได้ว่า มีพฤติกรรมในการรับประทานอะไรที่อาจกระตุ้นทำให้มีขี้ไคลทอนซิล หรือมีปัญหาที่เกิดจากขี้ไคลทอนซิลมากขึ้น ก็ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมนั้น

สำหรับการรักษานั้น รศ. นพ. ปารยะ กล่าวว่า มี 2 วิธี คือ การไม่ผ่าตัดและการผ่าตัด

1. วิธีไม่ผ่าตัด ซึ่งอาจช่วยให้ขี้ไคลทอนซิลหลุดออกมาได้ ได้แก่

แต่ไม่แนะนำให้ผู้ป่วยใช้ไม้พันสำลี (Cotton bud) ปลายของที่หนีบผม เครื่องมือที่ใช้เขี่ยขี้หูออก (Ear curette) แปรงสีฟันเขี่ยหรือกดบริเวณต่อมทอนซิล เพื่อเอาขี้ไคลทอนซิลออกเอง เพราะผู้ป่วยอาจมองเห็นไม่ชัด จึงอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อบริเวณต่อมทอนซิล อาจเกิดแผล หรือมีเลือดออกได้ ควรให้แพทย์เฉพาะทางด้านหู คอ จมูก เป็นผู้เขี่ยออกให้

2. วิธีผ่าตัด ได้แก่

แหล่งข้อมูล

1. ขี้ไคลทอนซิล. [2016, March 1].

2. Tonsillolith. [2016, March 1].

3. Tonsil Stones (Tonsilloliths). [2016, March 1].

4. Removing Tonsil Stones. [2016, March 1].