กำหนดคลอด เรื่องสำคัญเกี่ยวกับสุขภาพครรภ์ที่ต้องรู้

กำหนดคลอด นับเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับสตรีมีครรภ์ โดยทั่วไปแล้ว กำหนดคลอดทารกสามารถคำนวณได้ โดยแพทย์ต้องคำนวณวันคลอดให้แม่นยำที่สุด เพื่อจะได้ให้ผู้ตั้งครรภ์เข้ารับการตรวจที่จำเป็นได้อย่างถูกต้อง อีกทั้งยังช่วยให้ตรวจดูพัฒนาการทารกในครรภ์ว่ามีการเจริญเติบโตที่ปกติหรือไม่ เพื่อช่วยให้ผู้ตั้งครรภ์เตรียมตัวในช่วงใกล้คลอดได้อย่างเหมาะสม

กำหนดคลอด

รู้กำหนดคลอดได้อย่างไร ?

โดยทั่วไปแล้ว การตั้งครรภ์จะมีระยะเวลาประมาณ 38-42 สัปดาห์ ผู้ที่ต้องการรู้กำหนดคลอดของตนเองสามารถคาดการณ์วันคลอดทารกได้ ดังนี้

อย่างไรก็ตาม ผู้ตั้งครรภ์อาจไม่ได้คลอดบุตรตรงตามกำหนดคลอดที่แพทย์ระบุเสมอไป เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อการคลอด การคาดการณ์กำหนดคลอดที่ใกล้เคียงอีกวิธีหนึ่งคือการประเมินประวัติการคลอดที่ผ่านมา ผู้ที่เคยมีบุตรมีแนวโน้มจะมีกำหนดคลอดที่เหมือนกับการคลอดบุตรคนที่ผ่านมา ส่วนผู้ตั้งครรภ์เป็นครั้งแรกอาจพิจารณาจากกำหนดคลอดของแม่ตนเองเป็นหลัก เช่น หากแม่ของผู้ตั้งครรภ์เคยคลอดบุตรหลังผ่านกำหนดคลอดไปแล้ว 1 สัปดาห์ ผู้ตั้งครรภ์ก็มีแนวโน้มที่จะคลอดบุตรหลังผ่านกำหนดคลอดตามคาดการณ์ไปแล้ว 1 สัปดาห์

กำหนดคลอดแม่นยำแค่ไหน ?

ผู้ตั้งครรภ์จะคลอดบุตรตรงตามกำหนดคลอดที่คาดการณ์แตกต่างกันไป โดยทั่วไปแล้ว ผู้ตั้งครรภ์ร้อยละ 80 จะคลอดบุตรเมื่ออายุครรภ์ระหว่าง 37-42 สัปดาห์ ส่วนผู้ตั้งครรภ์ร้อยละ 11 จะคลอดบุตรก่อนกำหนด โดยยังไม่ทราบสาเหตุที่ทำให้ผู้ตั้งครรภ์บางรายคลอดบุตรก่อนกำหนดอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่เป็นไปได้นั้นอาจเกี่ยวเนื่องกับภาวะสุขภาพหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการตั้งครรภ์แฝด รูปร่างมดลูกที่ผิดปกติ ภาวะคลอดก่อนกำหนด หรือการติดเชื้อบางอย่าง เช่น ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย ทั้งนี้ รูปร่างของผู้ตั้งครรภ์ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้คลอดเร็วกว่ากำหนด โดยผู้ที่มีน้ำหนักต่ำกว่า 50 กิโลกรัม เสี่ยงคลอดบุตรก่อนกำหนดได้สูง

หากคลอดช้ากว่ากำหนดคลอดจะเกิดอะไรขึ้น ?

การตั้งครรภ์ปกตินั้นมักใช้เวลาอุ้มท้องทารกประมาณ 38-42 สัปดาห์ เมื่อครบกำหนดดังกล่าว จึงจะคลอดทารกออกมา ผู้ตั้งครรภ์ที่ใช้เวลาอุ้มท้องนานกว่า 42 สัปดาห์นั้น ถือว่าตั้งครรภ์เกินกำหนด (Post-Term Pregnancy) โดยผู้ที่ตั้งครรภ์เกินกำหนดคลอดมา 1 สัปดาห์ จะได้รับการตรวจดังนี้

นอกจากนี้ ผู้ที่ตั้งครรภ์เกินกำหนดอาจเสี่ยงเกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ  เช่น คุณภาพของรกเสื่อมลง ระดับน้ำคร่ำลดลง หรือทารกถ่ายอุจจาระออกมา เรียกว่าขี้เทา (Meconium) โดยทารกจะฝึกหายใจและสูดเอาอุจจาระนั้นเข้าไปในปอด ส่งผลให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการคลอดช้ากว่ากำหนด นอกจากนี้ ทารกในครรภ์จะโตขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ผู้ตั้งครรภ์เสี่ยงผ่าคลอด แพทย์จึงต้องทำการชักนำให้เจ็บครรภ์คลอด (Induction of Labor) เมื่อตั้งครรภ์ครบ 42 สัปดาห์ ซึ่งทำได้ ดังนี้

อย่างไรก็ตาม การชักนำให้เจ็บครรภ์คลอดไม่ใช่วิธีรักษาที่เหมาะกับผู้ตั้งครรภ์เกินกำหนดทุกราย โดยผู้ตั้งครรภ์ที่เคยเข้ารับการผ่าคลอด หรือผ่าตัดมดลูก อาจส่งผลให้เกิดภาวะรกเกาะต่ำ รวมทั้งทำให้ทารกหันก้นหรือหันด้านข้างออกมาตอนคลอด ทั้งนี้ ผู้ตั้งครรภ์เสี่ยงได้รับผลกระทบต่าง ๆ ดังนี้