การตรวจ AST (SGOT) Aspartate aminotransferase คืออะไร

AST (SGOT)

AST (Aspartate transaminase) หรือ Aspartate aminotransferase (แต่เดิมการแพทย์จะใช้คำว่า “SGOT” หรือ Serum glutamic oxaloacetic transaminase ซึ่งก็มีความหมายและเป็นค่าชนิดเดียวกัน) คือ เอนไซม์ที่อาจตรวจพบได้ในกระแสเลือด ซึ่งสร้างขึ้นมาจากความเสียหายของตับ เม็ดเลือดแดง หัวใจ กล้ามเนื้อ ตับอ่อน หรือไต จะเห็นได้ว่าค่า AST นี้มิใช่ค่าเอนไซม์เฉพาะตับเท่านั้น แต่เป็นค่าที่สะท้อนจากทุกเนื้อเยื่อของทุกอวัยวะที่เสียหาย (เพียงแต่ตับเป็นอวัยวะที่ไวต่อโรคหรือจากสภาวะแวดล้อมที่มากระทบ เช่น จากสารพิษ จึงมักเป็นสาเหตุแรก ๆ ที่ทำให้ AST ซึ่งเกิดขึ้นจากตับมีค่าสูงขึ้นบ่อยครั้ง นั่นแปลว่า ALT ที่สูงขึ้นผิดปกติมักมีสาเหตุมาจากตับมากกว่าอวัยวะอื่น)

ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ค่า AST พิจารณาร่วมกับค่าผลเลือดตัวอื่นที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะนั้น ๆ ด้วยเสมอ เช่น กรณีวินิจฉัยสภาวะหรือความเสียหายของตับก็จำเป็นต้องใช้ค่า AST พิจารณาร่วมกับค่า ALT เสมอ หรือในกรณีของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดก็จำเป็นต้องอาศัยทั้งค่า AST, CPK และ LDH

ค่า AST จะเริ่มสูงขึ้น โดยผลของเซลล์ที่ได้รับอันตรายให้ต้องบาดเจ็บ เมื่อระยะเวลาผ่านไปประมาณ 6-10 ชั่วโมง (เช่น จากตับได้รับพิษจากยาบางตัวหรือเห็ดพิษ หรือแม้แต่จากการดื่มแอลกอฮอล์) และจะปรากฏค่า AST สูงที่สุดภายในระยะเวลา 24-36 ชั่วโมง และค่า AST อาจจะกลับคืนสู่ระดับปกติภายใน 3-7 วัน แต่หากเป็นการบาดเจ็บของเซลล์ที่มีลักษณะเรื้อรัง เช่น เซลล์ตับมีภาวะอักเสบเรื้อรังจากพิษของสุราหรือไวรัส กรณีอย่างนี้ ค่า AST ก็จะยังคงสูงอยู่ต่อไป

ควรตระหนักไว้เสมอว่า ค่าเอนไซม์ของตับทั้ง AST และ ALT นั้น ใช้เพื่อการเฝ้าตรวจหรือแจ้งเตือนจากโรคตับว่ากำลังมีหรือกำลังเป็นโรคใดอยู่หรือไม่ แต่ไม่สามารถนำไปใช้เพื่อประเมินประสิทธิภาพการทำหน้าที่ของตับในเชิงปริมาณได้

สำหรับผู้ที่มีสุขภาพดีจะพบค่า AST ในเลือดน้อยมาก แต่หากเซลล์ตับ เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ และอื่น ๆ ดังกล่าวถูกทำลาย จะมีเอนไซม์ AST จากอวัยวะนั้น ๆ ออกมาที่ระบบเลือดในปริมาณมากขึ้น โดยที่อาจจะพบอาการแสดงของโรคนั้น ๆ ร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้

ชื่อการตรวจ AST (SGOT)

ชื่อต่าง ๆ ในใบรายงานผลการตรวจที่มีความหมายเดียวกัน คือ

วัตถุประสงค์การตรวจ AST (SGOT)

วัตถุประสงค์ของการตรวจ AST (SGOT) คือ การตรวจเพื่อให้ทราบค่าเอนไซม์ AST ซึ่งอาจแสดงผลเปลี่ยนแปลงจากค่าปกติเมื่อตับหรืออวัยวะอื่นบางแห่งกำลังตกอยู่ในอันตรายหรือมีความผิดปกติ (ยิ่งค่า AST สูงขึ้นมากเพียงใด ก็ย่อมเป็นสัดส่วนโดยตรงที่สะท้อนให้เห็นถึงจำนวนเซลล์ของอวัยวะต้นทางที่ได้รับอันตรายบาดเจ็บฟกช้ำมากขึ้นเท่านั้น) ค่า AST จึงใช้เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

ค่าปกติของ AST (SGOT)

ค่าปกติของ AST (SGOT) ให้ยึดตามค่าที่ระบุไว้ในใบรายงานแสดงผลเลือด (ถ้ามี) แต่ถ้าไม่มีให้ยึดตามค่าปกติทั่วไป คือ

ค่า AST (SGOT) ที่ต่ำกว่าปกติ

ค่า AST (SGOT) ที่ต่ำกว่าปกติ มักไม่ค่อยปรากฏและไม่มีนัยสำคัญ หรืออาจสรุปได้ว่า หากตรวจพบค่า AST อยู่ในระดับต่ำกว่าปกติก็อาจหมายความว่าทุกอวัยวะ (ตับ เม็ดเลือดแดง หัวใจ กล้ามเนื้อ ตับอ่อน หรือไต) ยังไม่มีโรคสำคัญเกิดขึ้น หรือยังมีสุขภาพดีอยู่

ค่า AST (SGOT) ที่สูงกว่าปกติ

ค่า AST (SGOT) ที่สูงกว่าปกติ อาจเกิดจากการอักเสบหรือปวดเจ็บของเนื้อเยื่อหัวใจ ตับ ตับอ่อน หรือกล้ามเนื้อก็ได้ โดยอาจแสดงผลได้ว่า

AST : ALT (DeRitis ratio)

เนื่องจากการตรวจเลือดเพื่อหาค่า ALT มักจะต้องตรวจหาค่า AST ควบคู่ไปด้วยเสมอ ด้วยเหตุนี้ แพทย์จึงช่วยกันวิเคราะห์และพบว่าอัตราส่วนระหว่าง AST : ALT นั้น อาจช่วยบ่งชี้โรคตับอย่างหยาบ ๆ ได้ (มิใช่ข้อบ่งชี้ที่ชัดเจน แต่เป็นเพียงข้อสันนิษฐานทั่วไปในเบื้องต้นโดยอาศัยสถิติเดิมเป็นข้อยืนยัน) และเรียกอันตราส่วนตามชื่อผู้ค้นคว้าคนแรกนี้ว่า “DeRitis ratio” โดยจากการรวบรวมสถิติที่ผ่านมาเพื่อใช้เป็นข้อสันนิษฐานโรคที่เกี่ยวกับโรคตับนั้น สามารถสรุปได้ดังนี้

ข้อควรรู้และคำแนะนำก่อนการตรวจ AST (SGOT)

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ()

  • 1 AST (SGOT)
  • 2 ชื่อการตรวจ AST (SGOT)
  • 3 วัตถุประสงค์การตรวจ AST (SGOT)
  • 4 ค่าปกติของ AST (SGOT)
  • 5 ค่า AST (SGOT) ที่ต่ำกว่าปกติ
  • 6 ค่า AST (SGOT) ที่สูงกว่าปกติ
  • 7 AST : ALT (DeRitis ratio)
  • 8 ข้อควรรู้และคำแนะนำก่อนการตรวจ AST (SGOT)
เรื่องที่น่าสนใจ