การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (Exercise Stress Test EST)

การตรวจสมรรถภาพของหัวใจ

การตรวจสมรรถภาพของหัวใจ หรือการตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (Exercise Stress Test หรือ EST*) คือ การทดสอบหัวใจภายใต้สภาวะการออกกำลังกาย (โดยการวิ่งบนสายพานไฟฟ้าหรือปั่นจักรยาน) ที่สร้างแรงเค้นต่อกล้ามเนื้อหัวใจ เพื่อจะตรวจสอบว่าในขณะที่ร่างกายออกแรงอย่างหนักอยู่นั้น กล้ามเนื้อหัวใจได้รับเลือดและออกซิเจนมาหล่อเลี้ยงเพียงพอหรือไม่ เนื่องจากผู้ป่วยที่มีภาวะหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบตันอยู่จะมีเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ไม่เพียงพอเมื่อต้องออกกำลังกาย และอาจเป็นอันตรายได้หากผู้ป่วยไม่ได้ทราบมาก่อนว่าเกิดจากโรคหัวใจ

ฉะนั้น การตรวจ EST จึงเป็นการตรวจที่มีประโยชน์มาก เพราะมีความแม่นยำในการวินิจฉัยโรคหลอดเลือดหัวใจได้ดีกว่าการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) แบบธรรมดา เนื่องจากในภาวะปกติที่ไม่มีการใช้ออกซิเจนมาก คลื่นไฟฟ้าหัวใจของผู้ป่วยที่มีรอบตีบตันอยู่ก็จะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปกติ จึงทำให้ผลการตรวจออกมาเป็นปกติได้

หมายเหตุ : ชื่ออื่นของการตรวจสมรรถภาพของหัวใจ

ความมุ่งหมายของการตรวจ EST

ผู้ที่ควรได้รับการตรวจ EST

ข้อควรรู้เกี่ยวกับตรวจ EST

  1. การตรวจสมรรถภาพของหัวใจ (EST) เป็นการตรวจที่ปราศจากอุปกรณ์ใด ๆ ที่สร้างความเจ็บปวดให้แก่ร่างกาย แต่ผู้รับการตรวจอาจจำเป็นต้องเหนื่อยบ้างจากการขั้นตอนการทดสอบโดยการออกกำลังกายด้วยการเดินหรือวิ่ง เพื่อสร้างแรงเค้นที่กล้ามเนื้อหัวใจ (การตรวจใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 30-60 นาที)
  2. อุปกรณ์สำคัญอันเป็นองค์ประกอบของการตรวจ EST คือ
    • สายพานเดินไฟฟ้า (Treadmill) ที่สามารถปรับความเร็วและปรับความลาดชันได้เพื่อให้ผู้รับการตรวจเกิดอาการเหนื่อยเพิ่มขึ้นคล้ายกับการเดินขึ้นเขา ส่วนเครื่องมืออีกแบบจะเป็นแบบจักรยาน (Bicycle ergometer) ซึ่งเครื่องมือชนิดนี้จะมีราคาถูกกว่าและกินเนื้อที่ในการติดตั้งน้อยกว่าแบบสายพานเดินไฟฟ้า และยังใช้ได้ดีในผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องการเดินและการทรงตัว
    • อุปกรณ์วัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG หรือ Electrocardiogram)
    • อุปกรณ์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart rate) หรืออัตราชีพจร
    • อุปกรณ์วัดความดันโลหิต ซึ่งมักเป็นเครื่องวัดแบบอัตโนมัติที่ทำให้ตรวจวัดได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องให้รับการตรวจหยุดเดินหรือหยุดวิ่ง หรืออาจเป็นอุปกรณ์หูฟังแบบดั้งเดิมก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาลแต่ละที่
      การตรวจ Exercise Stress Test
      IMAGE SOURCE : www.svhhearthealth.com.au
  3. อัตราชีพจรเป้าหมาย (Target heart rate) สิ่งหนึ่งที่ผู้รับการตรวจ EST เป็นกังวลกันมากคือ กลัวว่าจะถูกบังคับให้เดินหรือวิ่งบนสายพานจนเหนื่อยมากเกินไป กลัวจะวิ่งไม่ไหว กลัวจะเป็นลม หรือกลัวจะอายหมอหรือพยาบาล ฯลฯ ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่ เพราะมาตรฐานความเหนื่อยนั้นเขาวัดกันด้วยอัตราการเต้นของหัวใจ โดยจะขออธิบายรายละเอียดดังนี้
    • สมาคมโรคหัวใจอเมริกัน (The American Heart Association) ได้วางมาตรฐานความเหนื่อยสูงสุดที่มนุษย์สุขภาพดีเป็นปกติสามารถทนทานได้อย่างปลอดภัย โดยเรียกความเหนื่อยนี้ว่า “อัตราชีพจนสูงสุด” (Maximum heart rate) ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามอายุ โดยมีสูตรว่า “อัตราการเต้นชีพจรสูงสุด = 220 – อายุ” (หน่วยเป็น ครั้ง/นาที) และเมื่อคำนวณได้เท่าไหร่ก็ให้ตั้งค่าอัตราชีพจรเป้าหมายเพื่อการออกกำลังกายใด ๆ อันเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพให้อยู่ที่ระดับ 50-85% ของอัตราชีพจรสูงสุด
    • ตัวอย่างในการคำนวณ เช่น นาย ก. อายุ 60 ปี อัตราการเต้นชีพจรสูงสุดจะเท่ากับ 220 – 60 = 160 ครั้ง/นาที ส่วนอัตราชีพจรเป้าหมายที่ควรอยู่ในระดับ 50-85% เมื่อคำนวณออกมาแล้วก็จะได้ย่านอัตราชีพจรเป้าหมาย (Target heart rate zone) อยู่ที่ระหว่าง 80-136 ครั้ง/นาที สรุปว่า หาก นาย ก. ไปรับการตรวจ EST ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะต้องเดินหรือวิ่งบนสายพานไฟฟ้าจนหัวใจเต้นถึง 160 ครั้ง/นาที ซึ่งอาจจะเป็นลมไปเสียก่อน แต่แพทย์จะเฝ้าตรวจอัตราชีพจรของนาย ก. ไว้ตลอดเวลาโดยไม่ให้เกิน 136 ครั้ง/นาที และในขณะเดียวก็ต้องไม่ต่ำกว่า 80 ครั้ง/นาทีด้วย
    • จากข้อมูลดังกล่าวจึงแปลได้ว่า การออกกำลังกายนี้ผู้รับการตรวจจะเหนื่อยแค่พอประมาณและพอที่จะอดทนรับการตรวจต่อไปได้ เพราะการตรวจ EST นั้นมีเจตนาต้องการสร้างความเหนื่อยให้แก่หัวใจ เพื่อให้หัวใจได้เผยจุดอ่อน หรือข้อบกพร่อง หรือโรคของหัวใจโรคใดโรคหนึ่งที่อาจมีแอบแฝงอยู่ออกมาให้เห็นในรูปของอาการปวดหรือเจ็บหน้าอก ปวดแขน ปวดขากรรไกร วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด หายใจหอบถี่ ฯลฯ (ทั้งหมดนี้ล้วนอาจเป็นอาการภายนอกที่แสดงลักษณะของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้ทั้งสิ้น แต่ก็ยังไม่อาจชี้ชัดได้ว่าใช่จริงหรือไม่ ? ซึ่งในสถานการณ์อย่างนี้ อุปกรณ์วัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่ถ่ายทอดสัญญาณจากหัวใจแล้วบันทึกลงในกระดาษกราฟ จะเป็นตัวช่วยบ่งชี้โรคของหัวใจที่แอบซ่อนอยู่ออกมาได้ โดยไม่อาจปิดบังซ่อนไว้ได้อีกต่อไป)

ข้อห้ามในการตรวจ EST

นอกจากนี้ยังมีภาวะที่ไม่ควรทำการตรวจ EST ยกเว้นในกรณีที่แพทย์เห็นว่าได้ประโยชน์จากการตรวจมากกว่าความเสี่ยงที่จะได้รับ ซึ่งภาวะเหล่านี้ได้แก่

การปฏิบัติตัวก่อนการตรวจ EST

การปฏิบัติตัวขณะตรวจ EST

ตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย
IMAGE SOURCE : cvmc.mahidol.ac.th (ศูนย์หัวใจ หลอดเลือด และเมแทบอลิซึม ชั้น 1 อาคารศูนย์การแพทย์สิริกิติ์ โรงพยาบาลรามาธิบดี)
การตรวจสมรรถภาพหัวใจ
IMAGE SOURCE : www.lanna-hospital.com
การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะโดยการวิ่งบนสายพาน
IMAGE SOURCE : www.lanna-hospital.com

การปฏิบัติตัวหลังการตรวจ EST

การแปลผลตรวจ EST

โดยทั่วไปแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจจะเป็นผู้แปลผลข้อมูลที่ได้จากกราฟ ECG อัตราชีพจร และระดับความดันโลหิต แล้วแจ้งให้ผู้รับการตรวจทราบถึงสภาวะของหัวใจในขณะนั้นว่าเป็นอย่างไร (หรืออาจต้องรอในวันถัดไปก็ได้) ซึ่งการรายงายผลการตรวจของแพทย์นั้นจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ

  1. กลุ่มผู้มีสุขภาพหัวใจเป็นปกติ โดยข้อมูลที่ได้จากการตรวจ EST จะแสดงให้ทราบได้ว่า
    • แม้อัตราชีพจรจะเร็วขึ้น แต่หัวใจก็มิได้แสดงภาวะผิดปกติแต่อย่างใด แปลว่า รูปร่างของเส้นกราฟ ECG ก็ยังคงมีรูปร่างเป็นปกติดีอยู่ แม้จะเหนื่อยเพียงใดก็ตาม
    • ความอดทนในการออกกำลังกายของผู้รับการตรวจที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้ตามเกณฑ์อายุ และตามสภาพร่างกาย และตามสภาพหัวใจที่ปกติของตนอย่างเหมาะสม
  2. กลุ่มผู้มีสุขภาพหัวใจผิดปกติ โดยผลการตรวจ EST ที่จำเป็นต้องยุติกลางคัน หรือพบข้อมูลความผิดปกติร้ายแรงจากกราฟ ECG หรือพบว่าอัตราชีพจรหรือระดับความดันโลหิตสูงขึ้นผิดปกติระหว่างการตรวจ ทั้งหมดนี้จะบ่งชี้ว่าสุขภาพของผู้เข้ารับการตรวจน่าจะผิดปกติหรือบกพร่องด้วยโรคหัวใจโรคใดโรคหนึ่ง จึงทำให้แสดงอาการผิดปกติให้ปรากฏ เช่น
    • ได้เกิดภาวะหัวใจเต้นเสียจังหวะหรือเต้นผิดจังหวะ (Arrythmia) ในขณะตรวจ
    • หัวใจของผู้รับการตรวจได้แสดงสภาวะของอาการเค้น (Stress) จนอดทนต่อไปไม่ได้เมื่อต้องทำงานหนักในขระถูกตรวจ EST
    • ผู้รับการตรวจน่าจะมีโรคหลอดเลือดกล้ามเนื้อหัวใจที่ตีบแคบหรือใกล้จะตัน
    • ผู้รับการตรวจไม่แข็งแรงพอใจการออกแรง ซึ่งส่วนหนึ่งก็อาจจะเนื่องมาจากโรคหัวใจก็ได้
เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือฉลาดตรวจสุขภาพ ฉบับรู้ทันโรคถอย เล่ม 2. “การตรวจสมรรถภาพของหัวใจ (Exercise Stress Test, EST)”. (พอ.ประสาร เปรมะสกุล). หน้า 183-193.
  2. ศูนย์ศรีพัฒน์ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลับเชียงใหม่.  “การตรวจสมรรถภาพหัวใจ EST (Exercise Stress Test)”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : sriphat.med.cmu.ac.th.  [20 เม.ย. 2018].
  3. คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ศูนย์หัวใจ หลอดเลือด และเมแทบอลิซึม.  “การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (EST)”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : med.mahidol.ac.th/cvmc/.  [20 เม.ย. 2018].
  4. ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ.  “การตรวจสมรรถภาพหัวใจ”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.bangkokhealth.com.  [21 ส.ค. 2017].
  5. Siamhealth.  “การตรวจหัวใจโดยการวิ่งสายพาน”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.siamhealth.net.  [21 ส.ค. 2017].

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

  • 1 การตรวจสมรรถภาพของหัวใจ
  • 2 ความมุ่งหมายของการตรวจ EST
  • 3 ผู้ที่ควรได้รับการตรวจ EST
  • 4 ข้อควรรู้เกี่ยวกับตรวจ EST
  • 5 ข้อห้ามในการตรวจ EST
  • 6 การปฏิบัติตัวก่อนการตรวจ EST
  • 7 การปฏิบัติตัวขณะตรวจ EST
  • 8 การปฏิบัติตัวหลังการตรวจ EST
  • 9 การแปลผลตรวจ EST
  • 10 เอกสารอ้างอิง
เรื่องที่น่าสนใจ