การตรวจภายใน (PV Pelvic examination, Vaginal examination)

การตรวจภายใน

การตรวจภายใน, การตรวจภายในโดยสูตินรีแพทย์, การตรวจอวัยวะภายในอุ้งเชิงกรานสตรี หรือที่ในทางการแพทย์มักเรียกอย่างย่อ ๆ ว่า “การตรวจพีวี” (PV : Pelvic exam, Pelvic examination, Per vaginal examination, Vaginal examination) คือ การตรวจอวัยวะสืบพันธุ์และอวัยวะใกล้เคียงที่อยู่ในอุ้งเชิงกรานของสตรี (หลัก ๆ คือ อวัยวะเพศภายนอก ช่องคลอด มดลูก และรังไข่) โดยสูตินรีแพทย์ เพื่อประสงค์จะให้เห็นลักษณะ รูปร่าง และขนาดว่ายังเป็นปกติดีอยู่หรือไม่ ซึ่งหากผิดปกติก็ย่อมแสดงว่ามีโรคใดโรคหนึ่งเกิดขึ้นแล้ว ซึ่งการตรวจนั้นจะเป็นการตรวจโดยใช้เครื่องมือถ่างขยายช่องคลอด (Speculum) ที่มีขนาดเหมาะสมสอดเข้าไปในช่องคลอดเพื่อดูความผิดปกติในช่องคลอดและปากมดลูก ต่อจากนั้นจะเป็นขั้นตอนการใช้นิ้วตรวจเข้าไปในช่องคลอดพร้อมกับใช้มืออีกข้างคลำทางหน้าท้องเพื่อประเมินความผิดปกติของอวัยวะในอุ้งเชิงกรานนั้นอีกครั้ง

จุดประสงค์ของการตรวจภายใน

การตรวจภายในสามารถทำได้ในหลาย ๆ กรณี แต่ผู้เข้ารับการตรวจจะต้องพบแพทย์ก่อนในเบื้องต้น เพื่อมีการพูดคุยและประเมินถึงความเหมาะสมในการตรวจภายใต้ดุลยพินิจของแพทย์

ต้องตรวจภายในเมื่อไหร่ บ่อยแค่ไหน

การเตรียมตัวก่อนตรวจภายใน

การตรวจภายในเป็นการตรวจที่ง่าย ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องใช้ยาชา หรือยาแก้ปวดใด ๆ ก่อนตรวจ (ยกเว้นในเด็ก) สามารถตรวจได้ที่ห้องตรวจผู้ป่วยนอก และโดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องมีการเตรียมตัวล่วงหน้าก็สามารถทำการตรวจได้ แต่เพื่อให้ผลการตรวจออกมาสมบูรณ์ ควรมีการเตรียมตัวก่อนตรวจดังนี้

เมื่อพูดถึงการตรวจภายใน สตรีทั้งหลายที่ไม่เคยมาตรวจมักจะเกิดความอายหรือกลัวว่าจะทำให้เจ็บจนไม่อยากมาตรวจ ตรงนี้ก็อยากให้คลายความกังวลครับ ให้คิดซะว่าเป็นเรื่องปกติเหมือนเราไปตรวจหู คอ หรือจมูก เพราะแพทย์จะเลือกใช้เครื่องมือที่มีขนาดเหมาะสมกับขนาดช่องคลอด ถ้าผู้เข้ารับการตรวจให้ความร่วมมือดี ไม่เกร็ง ไม่ต้าน ก็จะไม่ทำให้เจ็บครับ ส่วนการสอดใส่นิ้วเพื่อการตรวจคลำของแพทย์เพื่อประเมินพยาธิสภาพในอุ้งเชิงกรานอีกครั้งก็อาจมีรู้สึกเจ็บหรือจุกบ้างเล็กน้อยเท่านั้น

ขั้นตอนการตรวจภายใน

การตรวจภายโดยทั่วไปแล้วจะใช้เวลาไม่นานประมาณ 5-10 นาที โดยการตรวจจะประกอบไปด้วย 3 ขั้นตอนการตรวจหลัก ๆ ได้แก่ การตรวจดูอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกด้วยตาเปล่า (External visual exam), การตรวจดูภายในช่องคลอดด้วยเครื่องมือสำหรับตรวจช่องคลอด (Internal visual exam) และการตรวจด้วยการใช้มือคลำที่หน้าท้องพร้อมกับการใช้นิ้วสอด (Bimanual examination) ซึ่งในระหว่างการตรวจแพทย์จะมีการแจ้งให้ผู้เข้ารับการตรวจทราบเป็นระยะ ๆ ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นในแต่ละขั้นตอน

การตรวจภายในเป็นการตรวจทางการแพทย์ที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่อาจทำให้ผู้เข้ารับการตรวจบางรายเกิดความรู้สึกเจ็บได้เล็กน้อย หรือเกิดความรู้สึกไม่สบายตัวในขณะที่สอดเครื่องมือหรือการคลำของแพทย์ แต่ส่วนใหญ่แล้วอาการจะหายไปภายหลังที่การตรวจเสร็จสิ้น

ผลการตรวจภายใน

โดยปกติแล้วการตรวจภายในจะทราบผลได้ภายในวันเดียวกันกับวันที่เข้ารับการตรวจ ยกเว้นในกรณีที่มีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (Pap Smear) ที่อาจต้องรอผลการตรวจประมาณ 1-4 สัปดาห์ ซึ่งแพทย์จะนัดมาฟังผลอีกครั้งหลังจากผลการตรวจวิเคราะห์เสร็จสิ้น และอาจมีการจ่ายยาในบางราย

เอกสารอ้างอิง
  1. หาหมอดอทคอม.  “การตรวจภายใน (Per vaginal examination)”.  (รศ.พญ.ประนอม บุพศิริ).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : haamor.com.  [10 มิ.ย. 2018].
  2. พบแพทย์ดอทคอม.  “รู้ไว้ก่อนไปตรวจภายใน”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.pobpad.com.  [14 มิ.ย. 2018].
  3. ใกล้ชิดหมอ.  “การตรวจภายในคืออะไร”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.facebook.com/Drnextdoor.  [21 มิ.ย. 2018].

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

  • 1 การตรวจภายใน
  • 2 จุดประสงค์ของการตรวจภายใน
  • 3 ต้องตรวจภายในเมื่อไหร่ บ่อยแค่ไหน
  • 4 การเตรียมตัวก่อนตรวจภายใน
  • 5 ขั้นตอนการตรวจภายใน
  • 6 ผลการตรวจภายใน
  • 7 เอกสารอ้างอิง
เรื่องที่น่าสนใจ