กัญชา สรรพคุณและประโยชน์ของต้นกัญชา 30 ข้อ

กัญชา

กัญชา ชื่อสามัญ Cannabis, Hemp, Indian Hemp, Marihuana, Marijuana, Dope, Gage, Ganja, Grass, Hash, Hashish, Kuf, Mary jane, Pot, Sens, Sess, Skunk, Smoke, Reefer, Weed[1],[4],[7]

กัญชา ชื่อวิทยาศาสตร์ Cannabis sativa L. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Cannabis sativa subsp. indica (Lam.) E.Small & Cronquist, Cannabis indica Lam.) จัดอยู่ในวงศ์กัญชา (CANNABACEAE)[1]

สมุนไพรกัญชา มีชื่อเรียกอื่นว่า กัญชา กัญชาจีน (ทั่วไป), ปาง (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน), ยานอ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), คุนเช้า คุณเช้า (จีน), ต้าหมา (จีนกลาง) เป็นต้น[1],[3],[4]

ลักษณะของกัญชา

ต้นกัญชา

ใบกัญชา

ดอกกัญชาเพศผู้

ดอกกัญชาเพศเมีย

เมล็ดกัญชา

หมายเหตุ : กัญชง และ กัญชา เป็นพืชคนละชนิด แต่มีต้นกำเนิดมาจากพืชชนิดเดียวกัน โดยต้นกัญชา (Marijuana) จะมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Cannabis sativa L. Subsp. indica (Lam.) E. Small & Cronquist ส่วนต้นกัญชง (Hemp) จะมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cannnabis sativa L. Subsp. sativa ซึ่งลักษณะภายนอกของพืชทั้งสองชนิดนี้จะมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยจนยากแก่การจำแนก

กัญชงและกัญชา

สรรพคุณของกัญชา

  1. ตำรายาไทยจะใช้เมล็ดกินเป็นยาชูกำลัง ช่วยเจริญอาหาร แต่ถ้ากินมากจะมีอาการหวาดกลัวและหมดสติ (เมล็ด)[2]
  2. ยอดอ่อนเมื่อนำมาสกัดด้วยแอลกอฮอล์ จะได้สารที่เรียกว่า “ทิงเจอร์แคนเนบิสอินดิคา” ซึ่งเป็นน้ำยาสีเขียว เมื่อกินเข้าไปประมาณ 5-15 หยด จะมีสรรพคุณเป็นยาช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาท เป็นยาสงบเส้นประสาท ทำให้นอนหลับ เคลิ้มฝัน แก้โรคสมองพิการ เป็นยาระงับปวด และเป็นยาแก้อักเสบ (ยอดอ่อน)[1],[3]
  1. ดอกใช้เป็นยาแก้โรคเส้นประสาท เช่น นอนไม่หลับ คิดมาก หรือใช้กับผู้ป่วยที่เบื่ออาหาร โดยนำมาปรุงเป็นอาหารให้กิน (ดอก)[1],[3]
  2. ใบใช้เป็นยาแก้ไข้ผอมเหลือง ไม่มีกำลัง ตัวสั่น เสียงสั่น (ใบ)[2]
  3. ใบกัญชา ใช้เป็นยารักษาโรคหอบหืด ช่วยขยายหลอดลมและลดการหดตัวของหลอดลม ด้วยการนำใบสดมาหั่นให้เป็นฝอย แล้วเอาไปตากแห้ง จากนั้นจึงนำมาสูบเป็นยารักษาโรค (ใบ)[1]
  4. ใช้ดอกผสมกับยาฉุนพญามือเหล็ก นำมาหั่นแล้วสูบเป็นยาช่วยกัดเสมหะในลำคอ (ดอก)[1]
  5. เมล็ดใช้เป็นยาแก้กระหายน้ำ (เมล็ด)[3]
  6. น้ำยาสีเขียวที่สกัดได้จากยอดอ่อนด้วยแอลกอฮอล์ มีสรรพคุณเป็นยาแก้โรคบิด แก้ปวดท้อง และโรคท้องร่วง (ยอดอ่อน)[1],[33] ส่วนเมล็ดก็มีสรรพคุณเป็นยาแก้บิดเช่นเดียวกับยอด (เมล็ด)[3]
  7. เมล็ดมีสรรพคุณเป็นยาแก้ท้องผูก ใช้เป็นยาแก้ท้องผูกในคนสูงอายุได้ดี ด้วยการใช้เมล็ดซึ่งมีน้ำมัน 30% ให้ใช้ร่วมกับตัวยาอื่น ๆ ในตำรับยา (เมล็ด)[3]
  8. ยาพื้นบ้านล้านนาจะใช้เมล็ดกัญชาจำนวน 3 เมล็ด นำมาผสมกับพริกไทย 3 ผล บดให้เป็นผง ใช้ผสมกับน้ำกินทุกคืนเป็นยาคุมกำเนิดสำหรับสตรี (เมล็ด)[2]
  9. ช่วยแก้ประจำเดือนไม่ปกติของสตรี (ทั้งต้น)[3]
  10. ทั้งต้นใช้ภายนอกเป็นยาแก้โรคผิวหนังกลากเกลื้อน (ทั้งต้น)[3]
  11. ใช้เป็นยาแก้กล้ามเนื้อกระตุก (ทั้งต้น)[3]
  12. ช่วยลดอาการเจ็บปวดจากโรคไขข้ออักเสบ[11]
  13. นอกจากสรรพคุณที่กล่าว ในทางการแพทย์ยังใช้ประโยชน์จากกัญชาในการรักษาโรคและบรรเทาอาการอย่างหลากหลาย เช่น ใช้แก้ปวดหัวไมเกรน แก้อาการสั่นเพ้อ แก้อาการไอ อ่อนล้า ปวดประจำเดือนของสตรี โรคข้อ หรือกระทั่งโรคมะเร็งบางชนิด[8]

ขนาดและวิธีใช้ : ใช้ต้มรับประทาน โดยต้นแห้งให้ใช้ครั้งละ 10-20 กรัม หรือใช้ร่วมกับตัวยาอื่น ๆ ในตำรับยา ส่วนเมล็ดให้ใช้ครั้งละ 10-15 กรัม[3]

ข้อควรระวัง : ในกรณีที่รับประทานมากเกินไป จะทำให้เกิดอาการประสาทหลอน มีอาการชัก ตาลาย หรือกลายเป็นเสพติด ในผู้ชายหากรับประทานมากเกินไปจะทำให้น้ำกามเคลื่อน ส่วนสตรีที่รับประทานมากเกินไปจะทำให้เกิดอาการตกขาว[3]

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของกัญชา

ประโยชน์ของกัญชา

  1. ในอดีตที่ผ่านมากัญชาถูกนำไปผสมกับอาหารเพื่อช่วยกระตุ้นให้เจริญอาหาร ทางการแพทย์จึงเลือกใช้สาร THC ที่มีสูตรโครงสร้างทางเคมีชื่อว่า Dronabinol นำมาประยุกต์ใช้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งและผู้ป่วยโรคเอดส์ที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด ซึ่งพบว่าสามารถช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียนของผู้ป่วยกลุ่มนี้ และทำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้ดียิ่งขึ้น[5]
  2. ในปัจจุบันมีการนำกัญชามาใช้เป็นยาลดความดันในนัยน์ตาของคนที่เป็นต้อหิน (glaucoma) แต่ผลที่ได้ยังไม่ชัดเจน และยังต้องรอการพิสูจน์อยู่ นอกจากนี้ยังมีการนำสารสำคัญในเรซินมาใช้เป็นยาระงับการอาเจียนที่เกิดขึ้นในคนที่เป็นโรคมะเร็ง ซึ่งได้รับการรักษาโดยวิธีเคมีบำบัด (chemotherapy)[4]
  1. การที่ร่างกายได้รับสาร Cannabinoids ในปริมาณที่เหมาะสม จะสามารถช่วยป้องกันการเกิดอาการซึมเศร้าที่มีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในผู้สูงอายุได้ เนื่องจากสาร Cannabinoids จะช่วยปรับสมดุลต่าง ๆ ในร่างกาย ทำให้ผู้ใช้มีความสุข ใจเย็นลง และลดการแสดงพฤติกรรมรุนแรงในทางด้านอารมณ์ (หากใช้ในปริมาณที่เหมาะสม)[10]
  2. จากงานวิจัยพบว่า สาร THC สามารถยับยั้งเซลล์เอเบตาโปรตีนไม่ให้ผลิตสารพิษที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ เพราะฉะนั้นกัญชาจึงสามารถป้องกันการเกิดอัลไซเมอร์ได้[12]
  3. จากการศึกษาพบว่า กัญชามีสรรพคุณในการฆ่าเซลล์มะเร็งและทำให้เนื้อร้ายในสมองเหี่ยวลดลงได้ โดยจากการศึกษาของสำนักปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติอเมริกัน แสดงให้เห็นว่า สารสกัดของกัญชาสามารถช่วยให้คนไข้ตอบสนองกับการบำบัดด้วยการฉายรังสีดีขึ้น ส่วนการทดลองกับสัตว์ ก็พบว่าสารจากกัญชาสามารถฆ่าเซลล์มะเร็งบางชนิดได้ ทำให้เนื้อร้ายหดเหี่ยวลง โดยมีหลักฐานว่า สารสกัดจากกัญชาสามารถทำให้เนื้อร้ายในสมองชนิดที่ร้ายแรงที่สุดมีขนาดลดลง ซึ่งสารสกัดเหล่านี้เมื่อนำมาใช้ควบคู่กับการฉายแสง จะทำให้ฤทธิ์ในการฆ่ามะเร็งมีเพิ่มมากขึ้นด้วย[13]
  4. จากการทดลองล่าสุดแสดงให้เห็นว่า สารสกัดจากกัญชาอาจสามารถรักษาโรคที่เกิดจากการอักเสบของสมองและไขสันหลัง หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบอื่น ๆ หรือแม้แต่อาจช่วยทำลายเนื้องอกที่อาจกลายเป็นมะเร็งได้ จากการวิจัยพบว่า คนไข้ที่รับ THC หรือสารสกัดจากกัญชาอีกตัวที่เรียกว่า cannabidiol (CBD) สามารถช่วยลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อและอาการสั่น สามารถทำให้นอนหลับ และมีการเคลื่อนไหวที่ดีขึ้น อีกทั้ง CBD ยังออกฤทธิ์ได้นานกว่าการใช้สเตียรอยด์หรือยาแก้อักเสบอีกด้วย จึงทำให้ในแคนาดามีการใช้สเปรย์ที่มีส่วนผสมของ cannabinoid เพื่อรักษาโรคที่เกิดจากการอักเสบของสมองและไขสันหลัง (Multiple Sclerosis – MS)[14]
  5. สาร cannabinoid ที่พบในกัญชาอาจมีความสัมพันธ์กับระบบการเผาผลาญของร่างกาย โดยพบว่าในผู้ที่สูบกัญชาจะเป็นโรคอ้วนและโรคเบาหวานน้อยกว่าคนที่ไม่เคยสูบ โดย Ms. Penner และคณะ ได้ทำการศึกษาความสัมพันธ์ของการสูบกัญชากับระดับน้ำตาลในเลือดในอาสาสมัครจำนวน 4,657 ราย (แบ่งเป็น กลุ่มกำลังสูบ, กลุ่มที่เคยสูบแต่เลิกแล้ว และกลุ่มที่ไม่เคยสูบ) ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มที่สูบกัญชามีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่ากลุ่มที่ไม่เคยสูบกัญชาร้อยละ 16 นอกจากนั้นยังพบว่ามีค่า HOMA-IR ต่ำกว่าร้อยละ 17 ระดับคอเลสเตอรอล HDL หรือไขมันชนิดดี สูงกว่า 1.63 mg/dL และมีรอบเอวเล็กกว่าอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ส่วนกลุ่มที่เคยสูบแต่เลิกไปแล้ว ไม่พบว่ามีการลดลงของระดับน้ำตาลเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่เคยสูบ จากการทดลองดังกล่าว จึงสันนิษฐานได้ว่า ผลของกัญชาที่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดจะมีผลเฉพาะในช่วงที่ใช้กัญชาเท่านั้น[16]
  6. เส้นใยของลำต้น สามารถนำมาใช้ในการทอผ้าหรือทอกระสอบได้ ซึ่งจะได้ผ้าที่มีคุณภาพดี มีความเหนียวสูง มีค่าการต้านแรงดึงสูง มีความยืดหยุ่น มีแรงบิดสูง น้ำหนักเบา และมีความคงทนมาก นิยมใช้ทำเสื้อเกราะ วัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์รถยนต์[1],[4]
  7. ทุกวันนี้บริษัททำกระดาษของอเมริกาและญี่ปุ่น ต้องทำลายป่าไม้ปีละกว่า 50,000 ตารางกิโลเมตร แต่การปลูกกัญชาซึ่งเป็นพืชที่มีวงชีวิตเพียง 120 วัน สามารถที่จะปลูกได้ 10 ตันต่อพื้นที่ 2 ไร่ ภายในเวลาเพียง 4 เดือน ซึ่งปลูกได้เร็วกว่าฝ้าย 4 เท่า และให้น้ำหนักมากกว่าฝ้ายถึง 3 เท่า อีกทั้งกัญชายังไม่ต้องใส่ปุ๋ย ไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลง และยังช่วยเพิ่มคุณภาพของดิน โดยจากการศึกษาพบว่า กัญชาสามารถปลูกและนำมาทำกระดาษได้มากเป็น 4 เท่าของการทำไม้ยืนต้น เส้นใยมีคุณภาพที่ดีกว่า ไม่ต้องใช้คลอรีนเหมือนการทำจากไม้ ซึ่งจะทำให้เกิดสารไดออกซิน ส่วนที่เหลือจากการทำเส้นใยก็สามารถนำมาผสมกับปูนขาวและน้ำ ก็จะได้วัสดุที่เบาและแข็ง มีความทนทานกว่าปูนซีเมนต์ (มีการกล่าวกันว่า กระดาษที่ใช้พิมพ์คัมภีร์ไบเบิล ธงชาติอเมริกัน หรือกางเกงยีนส์ลีวายที่ลือชื่อ แต่เดิมก็ทำมาจากป่านที่ได้จากต้นกัญชาทั้งสิ้น)[15]
  8. ใบจากพืชชนิดนี้สามารถนำมาใช้เลี้ยงสัตว์ได้[15]
  9. น้ำมันที่ได้จากเมล็ดจะเป็นน้ำมันไม่ระเหย (fixed oil) ซึ่งสามารถนำมาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม เช่น ใช้ทำสีทาบ้าน ทำสบู่ เป็นต้น[1]
  10. นอกจากนี้ เศษหรือกากที่ได้จากการสกัดเอาน้ำมันจากเมล็ดออกแล้ว ยังใช้เป็นอาหารของโค กระบือ ได้อีกด้วย[1]

โทษของกัญชา

กัญชาแห้ง

ข้อควรรู้เกี่ยวกับกัญชา

กัญชาไม่ทำให้เสพติดจริงหรือ ?

จริงอยู่ที่ว่าสาร THC และสารออกฤทธิ์อื่น ๆ ที่มีอยู่ในกัญชานั้นมีฤทธิ์ทำให้เสพติดได้น้อยกว่านิโคตินค่อนข้างมาก แต่หากใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน หรือแม้จะไม่ใช้ทุกวัน หรือใช้เพียงสัปดาห์ละครั้งหรือเดือนละครั้ง “ก็สามารถทำให้เสพติดได้

ซึ่งจะเป็นภาวะการเสพติดโดยไม่รู้ตัว หรือที่เรียกว่า “ภาวะสมองติดยา” คือสมองจะค่อย ๆ ปรับตัวและสมดุลของสารเคมีในสมองนั้นจะเปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ แม้ว่าจะไม่รวดเร็วหรือรุนแรงเท่าการออกฤทธิ์ของยาบ้า ยาไอซ์ หรือยาอีก็ตาม แต่เมื่อสารเคมีในสมองผิดปกติเป็นประจำ ในที่สุดสมองก็จะไม่สามารถกลับมาทำหน้าที่ได้อย่างปกติ ทำให้ผู้เสพมีอาการถอนยาเกิดขึ้น และต้องกลับมาเสพอีกในที่สุด

ที่หลายคนพูดว่า กัญชาเป็นยาเสพติด “ที่ไม่เสพติด” ความจริงแล้วเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนมากกว่าความเข้าใจผิด ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่า ยาเสพติดส่วนใหญ่นั้นส่วนมากร้อยละ 90 จะเป็นสารเคมีหรือสารสังเคราะห์ (ยาบ้า, ยาไอซ์, ยาอี, สารระเหย) และอีกร้อยละ 10 จะเป็นพวกสารเสพติดที่ได้จากพืช (กัญชา, กระท่อม, ฝิ่น, ยาสูบ, เห็ดขี้ควาย) ซึ่งกลุ่มนี้จะต้องใช้ในปริมาณมากกว่ากลุ่มแรก เพราะไม่ได้สกัดเอาเฉพาะสารเคมีที่ออกฤทธิ์มาใช้ ข้อดีคือจะมีฤทธิ์เสพติดรุนแรงน้อยกว่า แต่หาซื้อได้ง่ายและราคาถูกกว่ากลุ่มแรกมาก (ข้อมูลจาก : pantip.com by pinspin)

เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5.  (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม).  “กัญชา”.  หน้า 56-57.
  2. หนังสือสมุนไพรพื้นบ้านล้านนา.  (ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล).  “กัญชา  Indian hemp, Marihuana”.  หน้า 59.
  3. หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย.  (วิทยา บุญวรพัฒน์).  “กัญชา”.  หน้า 62.
  4. ข้อมูลพรรณไม้, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี.  “กัญชา”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.rspg.or.th/plants_data/.  [19 มิ.ย. 2015].
  5. หาหมอดอทคอม.  “กัญชา”.  (เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : haamor.com.  [19 มิ.ย. 2015].
  6. กองควบคุมวัตถุเสพติด, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข.  “กัญชา (Cannabis)”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : narcotic.fda.moph.go.th.  [19 มิ.ย. 2015].
  7. ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ.  “กัญชา”.  เข้าถึงได้จาก : www.bangkokhealth.com.  [19 มิ.ย. 2015].
  8. Mthai.  “กัญชา สารไม่เสพติด คุณมหันต์ โทษอนันต์”.  เข้าถึงได้จาก : news.mthai.com.  [19 มิ.ย. 2015].
  9. Addicting Info.  “Study Demonstrates Smoking Pot Doesn’t Cause Lung Cancer, No Matter The Frequency Or Amount”.  เข้าถึงได้จาก : www.addictinginfo.org.  [19 มิ.ย. 2015].
  10. National Center for Biotechnology Information, U.S. National Library of Medicine.  “Enhancement of endocannabinoid signaling and the pharmacotherapy of depression”.  (Regina A. Mangieri, Daniele Piomelli).  เข้าถึงได้จาก : www.ncbi.nlm.nih.gov.  [19 มิ.ย. 2015].
  11. National Center for Biotechnology Information, U.S. National Library of Medicine.  “Preliminary assessment of the efficacy, tolerability and safety of a cannabis-based medicine (Sativex) in the treatment of pain caused by rheumatoid arthritis.”.  (Blake DR, Robson P, Ho M, Jubb RW, McCabe CS).  เข้าถึงได้จาก : www.ncbi.nlm.nih.gov.  [19 มิ.ย. 2015].
  12. NIH Public Access Author Manuscript.  “A Molecular Link Between the Active Component of Marijuana and Alzheimer’s Disease Pathology”.  (Lisa M. Eubanks, Claude J. Rogers, Albert E. Beuscher IV, George F. Koob§, Arthur J. Olson, Tobin J. Dickerson, Kim D. Janda).
  13. ไทยรัฐออนไลน์.  “กัญชามีฤทธิ์ฆ่าเซลล์มะเร็ง”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.thairath.co.th.  [19 มิ.ย. 2015].
  14. Seppa, Nathan. “Not Just a High”. Science News, June 19, 2010.
  15. มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 193 คอลัมน์ : นานาสาระ.  (รศ.นพ.เกษียร ภังคานนท์).  “กัญชา มีอะไรมากกว่ายาเสพติด”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.doctor.or.th.  [19 มิ.ย. 2015].
  16. หน่วยคลังข้อมูลยา, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.  “กัญชากับการลดระดับน้ำตาลในเลือด”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.pharmacy.mahidol.ac.th/dic/.  [22 มิ.ย. 2015].

ภาพประกอบ : www.flickr.com (by Isabel Fagg, mexcurandero, Miran Rijavec, Siddarth Machado, Bluecloud9, Liberty&Livity)

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ()

  • 1 กัญชา
  • 2 ลักษณะของกัญชา
  • 3 สรรพคุณของกัญชา
  • 4 ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของกัญชา
  • 5 ประโยชน์ของกัญชา
  • 6 โทษของกัญชา
  • 7 ข้อควรรู้เกี่ยวกับกัญชา
  • 8 กัญชาไม่ทำให้เสพติดจริงหรือ ?
  • 9 เอกสารอ้างอิง
เรื่องที่น่าสนใจ