กะตังใบ สรรพคุณและประโยชน์ของต้นกะตังใบ 17 ข้อ

กะตังใบ

กะตังใบ ชื่อสามัญ Bandicoot Berry

กะตังใบ ชื่อวิทยาศาสตร์ Leea indica (Burm.f.) Merr. จัดอยู่ในวงศ์องุ่น (VITACEAE)[1],[2],[5]

สมุนไพรกะตังใบ มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ขี้หมาเปียก (นครราชสีมา), ต้างไก่ (อุบลราชธานี), คะนางใบ (ตราด), กะตังใบ (กรุงเทพมหานคร, จันทบุรี, เชียงใหม่), ช้างเขิง ดังหวาย (นราธิวาส), บังบายต้น บั่งบายต้น (ตรัง), ตองจ้วม ตองต้อม (ภาคเหนือ), ไม้ชักป้าน (ไทใหญ่), เหม่โดเหมาะ (กะเหรี่ยงแดง), ช้างเขิง (เงี้ยว), ต้มแย่แงง (เมี่ยน), อิ๊กะ (ม้ง), ช้างเขิง (ฉาน), กระตังใบ, เรือง, เขืองแข้งม้า เป็นต้น[1],[3],[5],[6],[7]

ลักษณะของกะตังใบ

ต้นกะตังใบ

ใบกะตังใบ

ดอกกะตังใบ

รูปกะตังใบ

ผลกะตังใบ

เมล็ดกะตังใบ

สรรพคุณของกะตังใบ

  1. รากมีรสเย็นเมาเบื่อ เป็นยาเย็น ตำรายาไทยจะใช้เป็นยาขับเหงื่อ ระงับความร้อน แก้ไข้ แก้ไข้รากสาด แก้อาการกระหายน้ำ (ราก)[1],[2],[3],[5],[6]
  2. อินโดนีเซียจะใช้สมุนไพรชนิดนี้เป็นยาพอกศีรษะแก้ไข้ (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)[3]
  3. ชาวม้งจะใช้ลำต้นต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ไอ (ลำต้น)[6]
  4. ใบนำย่างไฟให้เกรียม ใช้เป็นยาพอกศีรษะแก้วิงเวียน มึนงง (ใบ)[3],[4],[5],[6]
  5. ทั้งต้นใช้ผสมกับสมุนไพรชนิดอื่น ต้มกับน้ำดื่มเป็นยารักษามะเร็งเต้านม (ทั้งต้น)[5]
  1. น้ำยางจากใบอ่อนใช้กินเป็นยาช่วยย่อย (น้ำยางจากใบอ่อน)[5],[6]
  2. รากใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ปวดท้อง ท้องเสีย ท้องร่วง และแก้บิด (ราก)[3],[5],[6] (ตำรายาพื้นบ้านอีสานจะใช้รากผสมกับลำต้นขมิ้นเครือ ลำต้นเมื่อยดูก และรากตากวาง อย่างละเท่ากัน ต้มกับน้ำเดือดใช้ดื่มแก้ท้องเสีย) ส่วนชาวม้งจะใช้ส่วนของลำต้นนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้อาการท้องร่วงและรักษาโรคนิ่ว (ลำต้น)[6]
  3. รากและลำต้นใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้อาการปัสสาวะขัดและรักษาโรคนิ่ว (รากและลำต้น)[6]
  4. รากใช้ผสมกับสมุนไพรอื่น นำมาต้มกับน้ำกินวันละ 3 ครั้ง จนยาหมดรสฝาด จะมีสรรพคุณเป็นยาแก้ตกขาวของสตรี มะเร็งมดลูก มะเร็งลำไส้ (ราก)[5]
  5. ใช้ต้มกินเป็นยาแก้ครั่นเนื้อครั่นตัว (ราก)[1],[2],[3],[5]
  6. ใบใช้ตำพอกเป็นยาแก้อาการคันหรือผื่นคันตามผิวหนัง (ใบ)[3],[6]
  7. หมอยาพื้นบ้านในจังหวัดอุบลราชธานีจะนำรากมาฝนกับเหล้าใช้ทารักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก (ราก)[5]
  8. รากใช้ต้มกินเป็นยาแก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย (ราก)[1],[2],[3],[5],[6] หรือจะใช้ใบนำมาตำพอกแก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อก็ได้ (ใบ)[4],[5]
  9. ใบใช้ต้มอาบช่วยบำรุงร่างกายให้สมบูรณ์ (ใบ)[6]

ประโยชน์ของกะตังใบ

เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1.  (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์).  “กะตังใบ (Katang Bai)”.  หน้า 41.
  2. หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคกลาง.  (พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ, ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, กัญจนา ดีวิเศษ).  “กะตังใบ”.  หน้า 69.
  3. ข้อมูลพรรณไม้, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี.  “กะตังใบ”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.rspg.or.th/plants_data/.  [21 มิ.ย. 2015].
  4. ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม.  “กะตังใบ”.  อ้างอิงใน : สยามไภษัชยพฤกษ์ (146).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.qsbg.org.  [21 มิ.ย. 2015].
  5. ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.  “กระตังใบ”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.phargarden.com.  [21 มิ.ย. 2015].
  6. โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน).  “กะตังใบ”.  อ้างอิงใน : หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์), หนังสือสมุนไพรไทยตอนที่ 6 (ก่องกานดา ชยามฤต).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : eherb.hrdi.or.th.  [21 มิ.ย. 2015].
  7. พืชกินได้ในป่าสะแกราช, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.).  “กะตังใบ”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.tistr.or.th.  [21 มิ.ย. 2015].

ภาพประกอบ : www.flickr.com (by worachak chimpan, Ahmad Fuad Morad, Zakaria Al Anshori)

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ()

  • 1 กะตังใบ
  • 2 ลักษณะของกะตังใบ
  • 3 สรรพคุณของกะตังใบ
  • 4 ประโยชน์ของกะตังใบ
  • 5 เอกสารอ้างอิง
เรื่องที่น่าสนใจ