กรวยป่า สรรพคุณและประโยชน์ของต้นกรวยป่า 20 ข้อ

กรวยป่า

กรวยป่า ชื่อวิทยาศาสตร์ Casearia grewiaefolia Vent.[2],[3] (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Casearia kerri Craib, Casearia oblonga Craib[4]) ปัจจุบันได้ถูกย้ายมาอยู่ในวงศ์สนุ่น (SALICACEAE)

สมุนไพรกรวยป่า มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ตวย (เพชรบูรณ์), ตวยใหญ่ ตานเสี้ยน (พิษณุโลก), คอแลน (นครราชสีมา), ขุนเหยิง บุนเหยิง (สกลนคร), ผ่าสาม หมากผ่าสาม (นครปฐม, อุดรธานี), ก้วย ผีเสื้อหลวง สีเสื้อหลวง (ภาคเหนือ), คอแลน ผ่าสามตวย (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ), สีเสื้อ, หมูหัน เป็นต้น[1],[3],[4],[6]

ลักษณะของกรวยป่า

ต้นกรวยป่า

ใบกรวยป่า

ดอกกรวยป่า

ผลกรวยป่า

เมล็ดกรวยป่า

สรรพคุณของกรวยป่า

  1. เปลือกมีรสเมาขื่น ใช้เป็นยาบำรุงธาตุ บำรุงกำลัง บำรุงโลหิต เป็นยาคุมธาตุ (เปลือก)[1],[2],[4],[5] ส่วนรากก็มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงธาตุเช่นเดียวกับเปลือก (ราก)[4]
  2. ผลใช้เป็นยาฟอกโลหิต (ผล)[4]
  3. ดอกใช้เป็นยาแก้ไข้ (ดอก)[5]
  4. ดอกและใบมีรสเมาเบื่อ ใช้เป็นยาแก้ไข้พิษหรือพิษไข้ตัวร้อน (ใบ, ดอก)[1],[2],[4]
  5. ใช้เป็นยาแก้ไข้กาฬ พิษกาฬ พิษอักเสบจากหัวกาฬ (ราก, ใบ, ดอก)[1],[2],[4]
  6. ใบใช้ผสมกับใบยาสูบ มวนสูบเป็นยาแก้ริดสีดวงจมูก (โรคติดเชื้อที่เกิดขึ้นในจมูก ทำให้หายใจขัด มีฝีหนองขึ้นในจมูก โพรงจมูกอักเสบ) (ใบ)[1],[2],[4],[5] ส่วนน้ำมันจากเมล็ดก็มีสรรพคุณเป็นยาแก้ริดสีดวงจมูกด้วยเช่นกัน[4]
  1. ผลใช้เป็นยาแก้น้ำลายเหนียว แก้เสมหะเป็นพิษ กัดเสมหะ แก้เลือดออกตามไรฟัน (ผล)[4]
  2. เปลือกใช้เป็นยาขับผายลม (เปลือก)[4]
  3. รากและเปลือกมีรสเมาขื่นใช้เป็นยาแก้ท้องร่วง (ราก, เปลือก)[1],[2],[4],[5] บ้างใช้ทั้งใบและรากเป็นยาแก้ท้องร่วง (ใบและราก)[4]
  4. ผลใช้เป็นยาแก้บิดปวดเบ่ง แก้ลงท้อง (ผล)[4]
  5. ใช้เป็นยาแก้บิดมูกเลือด (ราก)[4]
  6. ใช้เป็นยาแก้ริดสีดวงทวาร (ราก, เมล็ด)[1],[2],[4],[5]
  7. รากใช้เป็นยาบำรุงตับ แก้ตับพิการ (ความผิดปกติของตับ) (ราก)[1],[2],[4],[5]
  8. เปลือกใช้เป็นยาสมานแผล (เปลือก)[4]
  9. ใบใช้เป็นยาแก้โรคผิวหนัง โรคผิวหนังผื่นคันที่มีตัว เช่น กลาก เกลื้อน หิด ผดผื่นคันตามผิวหนัง ช่วยรักษามะเร็งลาม แก้บาดแผล นำมาหุงเป็นน้ำมันทาบาดแผลและผิวหนังติดเชื้อโรค (ใบ)[1],[2],[4],[5] ส่วนรากก็มีสรรพคุณเป็นยาแก้ผื่นคันเช่นเดียวกับใบ (ราก)[1],[2],[4]
  10. น้ำมันที่ได้จากเมล็ดที่ใช้เป็นยาทาแก้โรคผิวหนังได้ (น้ำมันจากเมล็ด)[1],[2],[4]
  11. เมล็ดมีรสเมาเบื่อ ใช้เป็นยาแก้พยาธิผิวหนัง (เมล็ด)[4]
  12. ใบและดอกใช้เป็นยาแก้พิษที่เกิดจากการติดเชื้อ (ใบและดอก)[5]

ประโยชน์ของกรวยป่า

เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1.  (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์).  “กรวยป่า (Kruai Pa)”.  หน้า 17.
  2. หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคกลาง.  (พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ, ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, กัญจนา ดีวิเศษ).  “กรวยป่า”.  หน้า 55.
  3. ข้อมูลพรรณไม้, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี.  “กรวยป่า”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.rspg.or.th/plants_data/.  [09 ก.ค. 2015].
  4. ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.  “ผ่าสาม”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.phargarden.com.  [09 ก.ค. 2015].
  5. อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.  “กรวยป่า”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.pharmacy.mahidol.ac.th/siri/.  [09 ก.ค. 2015].
  6. ระบบจัดการฐานความรู้ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ สำนักงานความหลากหลายทางชีวภาพด้านป่าไม้ กรมป่าไม้.  “กรวยป่า”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : biodiversity.forest.go.th.  [09 ก.ค. 2015].

ภาพประกอบ : www.biogang.net (by wawaza, moddang_nun), www.qsbg.org, www.rook100.com (by อาร์ต สองแคว)

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ()

  • 1 กรวยป่า
  • 2 ลักษณะของกรวยป่า
  • 3 สรรพคุณของกรวยป่า
  • 4 ประโยชน์ของกรวยป่า
  • 5 เอกสารอ้างอิง
เรื่องที่น่าสนใจ